​“ข้าวโพดทับทิมสยาม” สินค้าออร์แกนิก 100% ส่งตรงจากหอมเพียงพอ ออแกนิคฟาร์ม

img

ปัจจุบันมีผู้ประกอบการ ที่ให้ความสำคัญกับการเพาะปลูก และผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ เกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และหลากหลายสินค้า มีทั้งพืชผลทางการเกษตรและปศุสัตว์ ซึ่งเติบโตตามความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ให้ความสำคัญกับการปกป้องสิ่งแวดล้อม และการดูแลสุขภาพ และแม้สินค้าจะมีราคาสูงกว่าปกติ แต่ตลาดก็ยังสามารถทำตลาดได้

วันนี้ มีข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ที่จะพามาแนะนำสินค้าที่เพาะปลูกด้วยวิถีธรรมชาติ และมีกระบวนการผลิตที่ยึดหลัก BCG คือ “ข้าวโพดทับทิมสยาม” สินค้าออร์แกนิกจาก หอมเพียงพอ ออแกนิคฟาร์ม จังหวัดนครนายก ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมงาน Thailand Local BCG Plus Expo 2023  ของกระทรวงพาณิชย์

น.ส.ภัฏ คันธะวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ หอมเพียงพอ ออแกนิคฟาร์ม เล่าให้ฟังว่า สำหรับหอมเพียงพอ ออแกนิคฟาร์มมีเนื้อที่ทั้งหมด 48 ไร่ เป็นพื้นที่ติดภูเขาทางด้านอีกฟากหนึ่งของเขาใหญ่ ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา พยายามค้นหาพืชมาปลูกด้วยวิธีธรรมชาติ ให้ธรรมชาติดูแล เพื่อคงความสมดุลของอากาศในพื้นที่ตรงนั้นไว้ เพราะบริเวณนั้นอากาศจะเย็น การปลูกพืชก็จะเน้นการไม่ใช้สารเคมี ไม่ตัดแต่งพันธุกรรม และพื้นที่บริเวณใกล้เคียงก็ใช้การปลูกพืชแบบออร์แกนิกเหมือนกัน โดยที่ฟาร์มมีการปลูกข้าวโพดทับทิมสยาม และกล้วยหอมทอง และในฟาร์มมีโรงคัดบรรจุผลไม้และโรงแพ็ค ถือได้ว่าเป็นเกษตรอินทรีย์แบบ 100% รวมถึงเราก็ยังเปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วย



“ช่วงแรกเราปลูกข้าวโพดปกติ แล้วได้มีโอกาสรู้จักกับอาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นักวิจัย และได้รู้จักข้าวโพดพันธุ์ทับทิมสยาม จึงตัดสินใจเลือกปลูกข้าวโพดทับทิมสยาม ความพิเศษของสายพันธุ์นี้คือสามารถกินแบบดิบได้ (เหมือนกับกินผลไม้) และอีกผลหนึ่งคือมีความต้านทานต่อโรคและแมลง สามารถปลูกสลับกับข้าวโพดสีเหลือง สลัด และมะเขือ เป็นการปลูกพืชหมุนเวียนในแต่ละปี ผลิตภัณฑ์ของเราตัวแรกเลย คือ ข้าวโพดทับทิมสยามฝักสด สามารถจะเก็บไว้ได้ 10 วัน โดยช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ช่วงผลผลิตออกสู่ตลาด เราจึงมีแนวคิดที่จะแปรรูปเป็นข้าวโพดทับทิมสยามฟรีซดราย ที่ยังชูความหวานไว้ มีความอร่อยเหมือนเดิม และสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 1 ปี ซึ่งถือว่าเป็นสินค้าเด่นของฟาร์ม ส่วนพืชชนิดอื่นก็จะเป็นกล้วยหอมทอง เราเอามาทำไซเดอร์ มะนาว เราทำมะนาวดอง แล้วเราก็มีน้ำนมข้าวโพดอีกด้วย ทำให้เราติด TOP 10 ของจังหวัดนครนายกที่ทำการผลิตพืชออร์แกนิก 100%”

นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมเด่น คือ การฟรีซดราย ที่คงคุณค่าสารอาหารให้อยู่ได้นานขึ้น และการผลิตยังเข้าหลักเกณฑ์ของ BCG Model โดยเราใช้หลักการ Zero Waste โดยข้าวโพดของเรา 1 ต้น เราใช้ทุกส่วน ไม่ได้ทิ้งเลย ตั้งแต่เราเก็บฝักเอามาทาน ตัวไหมข้าวโพด ก็นำไปทำชาไหมข้าวโพด คือ มีคุณสมบัติช่วยลดบวม โซเดียม ขับปัสสาวะ ผู้ป่วยโรคไต ตัวนี้จะช่วยปรับสมดุลในร่างกาย และคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ที่สำคัญข้าวโพดสีแดง มีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) เป็นสารที่ให้สีแดง น้ำเงิน และม่วงในพืช ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็ง เราก็เอาประโยชน์ของเค้าตรงนี้เอามาทำชาไหมข้าวโพด และเปลือกข้าวโพด นำมาแปรรูปเป็นจานเปลือกข้าวโพด ส่วนต้นของข้าวโพดเราเก็บเศษมาไถกลบ บำรุงหน้าดินเป็นปุ๋ย เพราะมันมีประโยชน์ทุกส่วน

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีกำลังการผลิต ถ้าเป็นฝักสด ส่งห้างสรรพสินค้าสัปดาห์ละ 2 รอบ ตกรอบละประมาน 200 ฝัก ส่วนฟรีซดราย ยังไม่ได้จัดส่งที่ไหน เน้นจัดงาน ออกบูธต่าง ๆ อย่างที่บอกว่า เราเพิ่งเริ่มทำมา อยู่ในระหว่างพัฒนาแพกเกจจิ้ง ส่วนแผนการตลาด สนใจอยากจะเอาตัวฟรีซดรายเข้าห้าง มีอเมซอนสนใจ กลุ่มเป้าหมายของเรา จะเป็นผู้สูงอายุ คนรักสุขภาพ กับเด็ก ๆ ที่ชอบทานฟรีซดราย เป็นสแน็คเพื่อสุขภาพ คือ เขากิน มันก็จะว้าว เขาก็จะซื้อไป ส่วนแผนในอนาคต อยากสร้างแบรนด์ มีบูธอยู่ตามห้างสรรพสินค้า คือ ถ้านึกถึงข้าวโพด นึกถึงฟาร์มออร์แกนิก ก็ให้นึกถึงหอมเพียงพอ แล้วเดินเข้ามาหาเราได้เลย ลูกค้าก็จะมั่นใจในสินค้าของเรา เพราะสินค้าของเราปลอดภัยต่อผู้บริโภคแน่นอน น่าจะภายใน 3 ปี เพราะการตอบรับค่อนข้างดี ในอนาคตก็อาจจะมีตัวอื่น ๆ เพิ่มเข้ามาอีก โดยอยากให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาช่วยเหลือด้านการตลาด การทำโลโก้ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ และเพิ่มช่องทางการตลาด ทั้งออนไลน์ และอื่น ๆ






ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง