กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจัดอบรมหลักสูตร “ร้านเสริมสวยมืออาชีพ” ดึงโรงเรียนเสริมสวยคุณโจมาช่วยสอนเทคนิคการทำผม แต่งผม ตัด ซอย ทำสี พร้อมแนะวิธีการทำธุรกิจให้รอด ให้เติบโต เผยมีช่างตัดผม ช่างเสริมสวย สนใจเข้าร่วมรับการฝึกอบรมกว่า 120 คน คาดหลังจบอบรม คนเหล่านี้ จะสามารถประกอบอาชีพ เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงได้แน่
         
นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า วันที่ 21 ก.พ.2561 กรมฯ ได้จัดอบรมหลักสูตร “ร้านเสริมสวยมืออาชีพ” โดยได้ร่วมมือกับโรงเรียนเสริมสวยคุณโจ สถาบันการเสริมสวยชื่อดัง จัดส่งวิทยากรมาถ่ายทอดความรู้ให้กับช่างตัดผม ช่างเสริมสวย ที่สนใจมาเข้ารับการอบรมกว่า 120 คน ให้มีความรู้ด้านการเสริมสวย เทคนิคการแต่งทรงผม เทคนิคการเซ็ทผมและแต่งหน้า เคล็ดลับการตัดและซอยผม เทคนิคการทำสีผม เพื่อให้ช่างเหล่านี้ มีความรู้เพิ่มขึ้น และสามารถที่จะนำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาตนเอง และนำไปประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงในอนาคต
         
“กรมฯ ไม่ได้แค่นำผู้เชี่ยวชาญมาสอนเทคนิคการทำผม แต่งผม แต่ยังได้สอนเทคนิคในการทำธุรกิจร้านเสริมสวยมืออาชีพให้ด้วย ทั้งการให้ความรู้ด้านการพัฒนาคุณภาพการให้บริการ การบริหารจัดการร้าน เพื่อผลักดันให้คนเหล่านี้ ออกไปทำธุรกิจเป็นของตัวเอง เพราะเป็นธุรกิจขนาดกลางและเล็ก ใช้เงินลงทุนไม่สูงมาก เป็นธุรกิจเงินสด มีรายได้ทุกวัน ต้นทุนส่วนใหญ่เป็นการขายฝีมือมากกว่าการลงทุนด้านวัตถุดิบ ต่างจากอาชีพอื่นที่มักมาจากวัตถุดิบมากกว่า และหากทำได้ดี ก็จะสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ”
         
ทั้งนี้ กรมฯ มองว่า ธุรกิจร้านเสริมสวยมีแนวโน้มเติบโตขึ้นทุกปี เนื่องจากธุรกิจมีลักษณะแบบอาชีพอิสระที่ช่วยให้คนไทยทุกฐานะอาชีพมีสิทธิเลือกที่จะเป็นเจ้าของกิจการได้ แต่ภายใต้ความมีอิสระ ก็ต้องใช้ความพยายามและหาแนวทางในการทำธุรกิจร้านเสริมสวยให้ประสบความสำเร็จ เนื่องจากร้านเสริมสวยเป็นธุรกิจที่มีอัตราการแข่งขันกันค่อนข้างสูง
         
ปัจจุบัน มีธุรกิจร้านเสริมสวยจดทะเบียนเป็นนิติบุคลที่ยังดำเนินการอยู่ (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ก.พ.2561) แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1.ธุรกิจการแต่งผม จำนวน 258 ราย ประกอบกิจการอยู่ในกรุงเทพฯ จำนวน 192 ราย คิดเป็นร้อยละ 74 และประกอบกิจการอยู่ในภูมิภาค จำนวน 66 ราย คิดเป็นร้อยละ 26 2.ธุรกิจดูแลความงามแต่งเล็บมือและเล็บเท้า จำนวน 882 ราย ประกอบกิจการอยู่ในกรุงเทพฯ จำนวน 513 ราย คิดเป็นร้อยละ 58 และประกอบกิจการอยู่ในภูมิภาค จำนวน 369 ราย คิดเป็นร้อยละ 42