​ไตรมาสแรกปี 68 ต่างชาติลงทุนไทย 272 ราย เพิ่ม 53% นำเงินเข้า 4.7 หมื่นล้าน

img

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยไตรมาสแรกปี 68 อนุญาตคนต่างชาติลงทุนไทย จำนวน 272 ราย เพิ่ม 53% นำเงินเข้ามาลงทุน 47,033 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% มีการจ้างงานคนไทย 1,605 คน เพิ่ม 90% และมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้อีกจำนวนมาก โดยญี่ปุ่นยังคงครองแชมป์เงินลงทุนอันดับหนึ่ง ตามด้วยจีน สิงคโปร์ ฮ่องกง และสหรัฐฯ ส่วนการลงทุนใน EEC มีจำนวน 88 ราย เพิ่ม 57% ลงทุน 24,234 ล้านบาท ญี่ปุ่นนำโด่ง ตามด้วยจีน สิงคโปร์
         
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เปิดเผยว่า ไตรมาสแรกของปี 2568 (ม.ค.-มี.ค.) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 272 ราย เพิ่มขึ้น 53% เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 67 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) จำนวน 205 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 47,033 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% มีการจ้างงานคนไทยจากนักลงทุนที่ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวจำนวน 1,605 คน เพิ่มขึ้น 90%

โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรกของไตรมาสแรก ปี 2568 ได้แก่ 1.ญี่ปุ่น 57 ราย คิดเป็นร้อยละ 21 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 15,915 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจจัดหาจัดซื้อ วัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่นอุตสาหกรรมทางการแพทย์ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ ธุรกิจบริการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ การเปลี่ยนและทำการเชื่อมต่อท่อส่งใต้ทะเล ระหว่างแท่นหลุมผลิตในโครงการขุดเจาะน้ำมัน ธุรกิจบริการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้า ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง ชิ้นส่วนยานพาหนะ ชิ้นส่วนจับยึดเครื่องมือตัด

2.สหรัฐฯ 35 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 1,490 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป อุปกรณ์โทรคมนาคม เครื่องสำอาง ธุรกิจบริการคลังสินค้า ธุรกิจบริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล ธุรกิจบริการรับจ้างผลิต ได้แก่ สิ่งปรุงแต่งอาหาร โลหะผสมสำหรับผลิตเครื่องประดับ



3.จีน 34 ราย คิดเป็นร้อยละ 12 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 6,083 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ชิ้นส่วนโลหะ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ ธุรกิจบริการดำเนินพิธีการศุลกากรในเขตปลอดอากร  (Free Zone) ธุรกิจบริการให้เช่าอาคารโรงงานพร้อมสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า ได้แก่ อุปกรณ์สำหรับเครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนเครื่องจักรอุตสาหกรรม ชิ้นส่วนโลหะ ชิ้นส่วนยานพาหนะ

4.สิงคโปร์ 31 ราย คิดเป็นร้อยละ 11 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 4,950 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจบริการออกแบบ จัดซื้อ จัดหา ติดตั้ง ทดสอบ ตลอดจนการฝึกอบรม การให้คำปรึกษาแนะนำด้านการปฏิบัติการของงานระบบควบคุมกำกับดูแลและเก็บข้อมูล สำหรับโครงการรถไฟฟ้า ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย ธุรกิจบริการ Data Center ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า ได้แก่ อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม Printed Circuit Board ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น ผลิตภัณฑ์โลหะและชิ้นส่วนโลหะ

5.ฮ่องกง 22 ราย คิดเป็นร้อยละ 8 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 3,655 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย ธุรกิจบริการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้า ธุรกิจบริการ Data Center ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า ได้แก่ แก้วเก็บความร้อน ผลิตโครงที่นั่งยานพาหนะ กระดาษลูกฟูก อะไหล่และส่วนประกอบรถยนต์ ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ การเข้ามาประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในไทยในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมข้างต้น มีส่วนช่วยในการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติงานของระบบควบคุมกำกับดูแลและเก็บข้อมูลสำหรับโครงการรถไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับสถานีจัดประจุไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับระบบจัดการเชื้อเพลิงอัจฉริยะ องค์ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับโปรแกรมจัดการคลังสินค้า เป็นต้น



สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 มีจำนวน 88 ราย คิดเป็น 32% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย เพิ่มขึ้น 57% มีมูลค่าการลงทุน 24,234 ล้านบาท คิดเป็น 52% ของเงินลงทุนทั้งหมด เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 27 ราย ลงทุน 9,295 ล้านบาท จีน 22 ราย ลงทุน 3,685 ล้านบาท สิงคโปร์ 9 ราย ลงทุน 2,194 ล้านบาท และประเทศอื่น ๆ อีก 30 ราย ลงทุน 9,060 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ลงทุน อาทิ ธุรกิจค้าปลีกสินค้า (แม่พิมพ์ (Mould) ที่ใช้สำหรับผลิตชิ้นส่วนพลาสติก อุปกรณ์และชิ้นส่วนสำหรับซ่อมแซมเครื่องทำความเย็น ชิ้นส่วนสำหรับซ่อมแซมเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตยางรถยนต์ ธุรกิจบริการเคลือบผิวผลิตภัณฑ์โลหะ ธุรกิจบริการให้ใช้แพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า โลหะและชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป ที่นั่งนิรภัยในรถยนต์สำหรับเด็กเล็กและสัตว์เลี้ยง แก้วเก็บความร้อน เป็นต้น

 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง