“ศุภจี”โชว์ผลงานลุย Quick Big Win 2 เดือน สร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 35,510 ล้าน

img

“ศุภจี” โชว์ผลการทำงาน 2 เดือน ภายใต้นโยบาย Quick Big Win สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 35,510 ล้านบาท ผ่านมาตรการลดค่าครองชีพ เพิ่มรายได้เกษตรกร ส่งเสริม SME ดูแลเศรษฐกิจชายแดน การรับมือภาษีสหรัฐฯ บุกเจาะตลาดใหม่ เตรียมลุยต่อช่วง 2 เดือนที่เหลือตามอายุของรัฐบาล คาดเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจอีก 91,956 ล้านบาท พร้อมคาดการณ์ส่งออก ปี 69 ตั้งแต่ติดลบไปจนถึงบวก 1.1%
         
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการขับเคลื่อนงานกระทรวงพาณิชย์ในช่วง 2 เดือน ที่เข้ามารับตำแหน่ง (ต.ค.-พ.ย.) ภายใต้นโยบาย Quick Big Win ว่า ตั้งแต่เข้ามาทำงาน ได้กำหนดนโยบายสำคัญ 7 นโยบายที่ใช้ขับเคลื่อนงานกระทรวงพาณิชย์ และถึงขณะนี้ มีความคืบหน้าทุกนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นการดูแลค่าครองชีพ การรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร การดูแลผู้ประกอบการ SME การดูแลเศรษฐกิจชายแดน การรับมือภาษีสหรัฐฯ การเจรจา FTA และบุกตลาดใหม่ รวมถึงการพัฒนางานบริการ ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้เพิ่มขึ้น 35,510 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.18% ของจีดีพี
         
โดยผลงานสำคัญตาม 7 นโยบาย ได้แก่ 1.การดูแลค่าครองชีพ ได้ผลักดันโครงการสุขกาย สบายกระเป๋า เปิดให้ซื้อยานอกโรงพยาบาล มีโรงพยาบาลเข้าร่วมกว่า 300 แห่ง ร้านขายยา 3,590 ร้าน ลดค่าครองชีพ 2 เดือน 5,400 ล้านบาท และใน 1 ปี ตั้งเป้า 33,500 ล้านบาท จัดงานธงฟ้า 102 ครั้ง ลดค่าครองชีพ 750 ล้านบาท เปิดตัวข้าวถุงโอชาจำหน่ายที่การเคหะทั่วประเทศ และร่วมมือกับห้างท้องถิ่น 101 แห่ง 800 สาขา ลดราคาสินค้า สร้างมูลค่าการค้า 376 ล้านบาท  
         
2.การรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร ได้ผลักดันโครงการธงเขียวจำหน่ายปุ๋ยเคมีและปัจจัยเกษตรราคาถูก 10 จังหวัด ลดต้นทุน 21 ล้านบาท ดำเนินการรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ทำให้ราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง รวมไปถึงดูแลมันสำปะหลังและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และยังได้ผลักดันขายข้าวจีทูจีให้กับจีน 5 แสนตัน คาดว่าจะเซ็นสัญญา 1 แสนตันแรก ในเดือนธ.ค.นี้ และเริ่มส่งมอบหลังจากนั้น ลงนาม MOU ขายข้าวสิงคโปร์ 1 แสนตัน ดูแลผู้นำเข้าข้าวฮ่องกง เพื่อรักษาตลาดข้าว 1.6 แสนตัน มีการขายมันสำปะหลังให้กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 100 ล้านบาท ARASCO ของซาอุดิอาระเบีย 3 หมื่นตัน คาดปีหน้าอาจซื้อ 1 แสนตัน และผลักดันข้าวประณีต เน้นขายข้าวคุณภาพ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม
         


3.การเสริมแกร่งผู้ประกอบการ SME ได้ส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์ ดึง SME D Bank ให้สินเชื่อ 8 แฟรนไชส์ 439 ล้านบาท ส่งเสริมสินค้า GI ​จัดแคมเปญ “GI ไทย ส่งสุขปีใหม่ สุขใจชุมชน” ​ขึ้นทะเบียนสินค้า GI ใหม่ 4 รายการ ได้แก่ ทุเรียนชุมพร กกเหล่าพัฒนา (นครพนม) ไก่เบตงยะลา และผ้าทอนาหมื่นศรี (ตรัง) ​ส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านโครงการ SMEs Pro-active 104 ราย สร้างมูลค่าการค้า 179 ล้านบาท ​ส่งเสริมสินค้าอัญมณี จัดงาน Bangkok Jewelry Week 2025 มูลค่าการค้า 1.44 ล้านบาท ​พาณิชย์จังหวัดเปิดจุดจำหน่ายสินค้า 28 ครั้ง ช่วย SME มีช่องทางจำหน่ายสินค้า และช่วย ​Upskill Reskill ธุรกิจยุคดิจิทัล ​สัมมนาผู้ประกอบการยุคใหม่ การค้าออนไลน์ ทักษะบริหารจัดการธุรกิจ ​อบรมผ่านระบบ DBD Academy เสริมสร้างความรู้ด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ​ผู้ประกอบการได้รับประโยชน์รวมกว่า 32,000 ราย
         
4.การดูแลเศรษฐกิจชายแดนไทยกับเพื่อนบ้านและไทย-กัมพูชา ได้จัด​ธงฟ้าชายแดน 11 จังหวัด ลดค่าครองชีพ 24 ล้านบาท ​เปิดตัว “ซิม ออฟ เชียร์ by MOC” ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จำหน่ายสินค้าส่วนท้องถิ่นและอาเซียนในราคาย่อมเยา คาดมูลค่า 20 ล้านบาท ​จัดทำ E-Catalog ประชาสัมพันธ์สินค้าเด่นจาก 7 จังหวัดชายแดน ไทย-กัมพูชา เพิ่มช่องทางสินค้าท้องถิ่นคุณภาพสู่ตลาดวงกว้าง ดึง​ไปรษณีย์ขนส่งฟรี คนละ 1,000 บาท ​ลดค่าครองชีพ 1 ล้านบาท ​ผู้ประกอบการได้รับประโยชน์ 1,000 ราย
         
5.การรับมือภาษีสหรัฐฯ และการเบี่ยงเบนทางการค้าจากประเทศอื่น ๆ เร่งเจรจาความตกลง Reciprocal Trade  กับสหรัฐฯ ตั้งเป้าสรุปผลภายในสิ้นปี 2568 โดยได้ส่งหนังสือยืนยันกับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ว่า ไทยพร้อมเดินหน้าเจรจาต่อ แต่ทาง USTR ยังไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไทย-กัมพูชา ก็ไม่แน่ใจว่าจะจบได้หรือไม่ แต่ถ้าไม่จบ ผลกระทบก็เกิดกับสหรัฐฯ เพราะมีหลายอย่างที่ขอมา ส่วนไทย ก็ต้องใช้ภาษี 19% ต่อไป ส่วนการเตรียมการให้ผู้ประกอบการ ได้ทำต่อเนื่อง มีการจัดเจรจาจับคู่ธุรกิจ 30 ราย นัดหมาย 45 คู่ สร้างมูลค่าการค้า 360 ล้านบาท เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลเรื่องถิ่นกำเนิดสินค้า รวมไปถึงการกวาดล้างธุรกิจนอมินี มีการดำเนินการกับผู้กระทำผิดแล้ว 11 ราย
         
6.การเจรจา FTA และบุกตลาดใหม่ ได้เสนอ FTA ไทย-เอฟตาเข้าสู่คณะรัฐมนตรี (ครม.) และรัฐสภาพิจารณา และจะผลักดันให้มีผลบังคับใช้ช่วงครึ่งปีแรก 2569 FTA ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) จะหารือต่อเนื่อง คาดมีความคืบหน้าสำคัญในไตรมาสแรก ปี 2569 เร่งรัดการเจรจา FTA ไทย-เกาหลีใต้ ให้สรุปโดยเร็วที่สุด การผลักดันการใช้ประโยชน์จาก FTA มีผู้ประกอบการได้ประโยชน์ 120 ราย จัด Special Task Force บุกตลาดศักยภาพ ซาอุดีอาระเบีย เอเชียกลาง อเมริกาใต้ อเมริกา สร้างมูลค่าการค้า 350 ล้านบาท และจัด Trade Promotion 12 กิจกรรม สร้างมูลค่าการค้า 10,000 ล้านบาท
​         


7.การพัฒนาเทคโนโลยีการให้บริการ และปรับปรุงกฎระเบียบ ลดขั้นตอนราชการ ได้​ยกระดับบริการดิจิทัลพาณิชย์ มีการจัดทำ ​Dashboard สินค้าข้าว เพื่อคาดการณ์ผลผลิต พัฒนาระบบ MOC Plus ใช้ AI เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะให้คำปรึกษา และบริการออนไลน์ ​ระบบออกใบอนุญาต หนังสือรับรองสินค้าที่ต้องใช้สองทาง (DUI) เชื่อมโยง e-Service กับแอปทางรัฐ 6 บริการ ​บูรณาการ ก.ล.ต. และ SET สั่งข้อมูลผ่านระบบ e-One Report ​ปรับระเบียบการซื้อหุ้นคืนของบริษัทมหาชนจำกัด ขึ้นทะเบียนสินค้า GI ของต่างประเทศ ภายใต้ความตกลง FTA และจัดทำหลักเกณฑ์กำกับดูแล EV Charger ให้เที่ยงตรง
         
นางศุภจีกล่าวว่า สำหรับในช่วง 2 เดือนที่เหลือของอายุรัฐบาล จะเดินหน้าลดค่าครองชีพต่อเนื่อง ทำโครงการสุขกาย สบายกระเป๋า เฟส 2 จัดมหกรรมลดราคาสินค้า 1 เดือน ช่วงปีใหม่ เดินหน้ามาตรการรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร และเร่งส่งมอบข้าวให้กับจีนและสิงคโปร์ ส่งเสริม SME ทั้งแฟรนไชส์ จัดเทศกาลนานาชาติพลอยและเครื่องประดับจันทบุรี จัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าอีสาน เอ็กซ์โป 2026 จัดมหกรรมการค้าชายแดน จัดงาน ชิม ชอป เชียร์ By MOC เตรียมต้อนรับคณะผู้นำเข้าสหรัฐฯ เยือนไทย เร่งรัดจัดการนอมินีแบบพุ่งเป้า และออกของขวัญปีใหม่ให้มิจฉาชีพที่จะป้องกันนอมินีนิติบุคคล เร่งหาตลาดใหม่ อาทิ อินเดีย รัสเซีย แคนาดา เข้าร่วประชุม WEF 2026 จัด Special Task Force บุกเจาะตลาด และเตรียมเดินหน้าบริการดิจิทัลที่อยู่ในความดูแลให้มีความคืบหน้าต่อเนื่อง โดยคาดว่า จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 91,956 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.46% ของจีดีพี
         
นอกจากนี้ ได้เตรียมตั้งเป้าหมายการส่งออก ปี 2569 โดยเบื้องต้นประเมินไว้ 3 กรณี คือ กรณีดีที่สุด มูลค่า 337,655.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 1.1% กรณีฐาน มูลค่า 330,642.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 1.0% และกรณีต่ำที่สุด มูลค่า 323,628.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 3.1% ทั้งนี้ ปี 2568 คาดว่า การส่งออกจะขยายตัวเกินไปจากเป้าที่ตั้งไว้ โดย มี 2 เป้า คือ มูลค่า 332,982.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 10.7% และ 334,982.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 11.4%

 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง