กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) จับมือ SACIT และ OMIYA เปิดตัว “กิโมโนผ้าไทย” ที่ญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการแล้ว เตรียมเปิดขายทั่วญี่ปุ่น เดือน มี.ค.69 ที่จะถึงนี้ ล่าสุดมียอดจองแล้ว 516 คำสั่งซื้อ มูลค่ากว่า 2.4 ล้านบาท สะท้อนการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น ที่เห็นคุณค่าในงานฝีมือและความร่วมสมัยของผ้าไทย เล็งขยายนำผ้าไทยไปสู่สินค้าไลฟ์สไตล์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าต่อไป
น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2568 ที่ผ่านมา DITP ได้ร่วมกับดร.อนุชา ทีรคานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT และนาย Shinya Fusamoto, CEO บริษัท OMIYA Co., Ltd ผู้ค้าผ้ากิโมโนรายสำคัญของนครเกียวโต เปิดตัวคอลเลกชัน “กิโมโนผ้าไทย” อย่างเป็นทางการ ณ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว พร้อมลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ผลักดันผ้าไทยสู่ตลาดญี่ปุ่น
“ความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญในการต่อยอดงานหัตถกรรมไทยสู่สินค้าแฟชันระดับนานาชาติ โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่น ซึ่งให้ความสำคัญกับงานฝีมือ ลวดลายดั้งเดิม และคุณค่าทางวัฒนธรรม โดยผ้าไทยไม่ใช่เพียงความงามทางวัฒนธรรม แต่เป็นสินค้าที่มีศักยภาพเชิงเศรษฐกิจระดับโลกได้ หากมีการต่อยอดอย่างสร้างสรรค์ให้เข้ากับวิถีของแต่ละประเทศ เช่น กิโมโนผ้าไทยในญี่ปุ่นที่สะท้อนทั้งมิตรภาพของสองชาติ และศักยภาพงานหัตถศิลป์ไทยบนเวทีสากลโดยมั่นใจว่ากิโมโนผ้าไทยจะได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากกิโมโน คือ สัญลักษณ์วัฒนธรรมของญี่ปุ่น การผสมผสานผ้าไทยเข้าไปจึงช่วยเพิ่มสีสันใหม่ให้แฟชันดั้งเดิม”น.ส.สุนันทากล่าว
โดยชุดกิโมโนผ้าไทยล็อตแรก จะวางจำหน่ายทั่วญี่ปุ่นในช่วงต้นเดือน มี.ค.2569 โดยล่าสุดมียอดจองแล้วกว่า 516 คำสั่งซื้อ คิดเป็นมูลค่ากว่า 2.4 ล้านบาท สะท้อนการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคญี่ปุ่น ซึ่งเห็นคุณค่าในงานฝีมือและความร่วมสมัยของผ้าไทย เพราะผ้าทอมือไทยมีเสน่ห์เฉพาะตัว เป็นความไม่สมบูรณ์แบบที่งดงาม ที่เครื่องจักรทำไม่ได้ ลวดลายพื้นถิ่นมีเอกลักษณ์ และสอดคล้องกับเทรนด์ความยั่งยืนที่ผู้บริโภคญี่ปุ่นให้ความสำคัญ

ทั้งนี้ DITP ยังเตรียมขยายแนวคิดการพัฒนางานหัตถกรรมไทยไปสู่สินค้าไลฟ์สไตล์อื่น ๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน เครื่องครัว สินค้าแฟชัน และสินค้าวัฒนธรรม โดยทำงานร่วมกับดีไซเนอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรม และพันธมิตรต่างประเทศ เพื่อยกระดับดีไซน์คุณภาพให้แข่งขันได้ในตลาดโลก พร้อมขยายช่องทางจำหน่ายผ่านดิจิทัลและเครือข่ายสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่าในต่างประเทศ (สคต.) ทั่วโลกต่อไป
สำหรับโครงการ Thai Kimono Project เกิดจากความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว และบริษัท Omiya จำกัด ที่มุ่งนำเสนอมิติใหม่ของความงามจากสองวัฒนธรรมระหว่างศิลปะงานทอผ้าอันล้ำค่าของไทย และศิลปะแห่งการสร้างสรรค์กิโมโนที่สืบทอดกันมายาวนานของญี่ปุ่น ผลิตภัณฑ์ภายใต้โครงการได้นำผ้าทอไทยจากโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ซึ่งพระองค์ได้ทรงฟื้นฟูภูมิปัญญาการทอผ้าไทยที่เปรียบเสมือนมรดกทางวัฒนธรรม และส่งเสริมให้ช่างทอท้องถิ่นสร้างสรรค์ผ้าแต่ละผืนด้วยความประณีตภายใต้แนวคิดการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาผสานกับความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบและการควบคุมคุณภาพกิโมโนของบริษัท Omiya จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจในเกียวโตมาอย่างยาวนาน
บริษัท OMIYA ได้ร่วมพัฒนาผ้าทอไทยกับชุมชนในจังหวัดสกลนครและนครพนม ภายใต้โครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” โดยคัดสรรผ้าทอที่เหมาะสมกับคุณสมบัติของผ้ากิโมโน ก่อนพัฒนาสู่คอลเลกชันใหม่ 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กิโมโนผ้าไทยจากผ้าทอพื้นถิ่นดอนกอยและนาหว้า 2.กิโมโนผ้าไทยจากแหล่งผลิตอื่นทั่วประเทศ และ 3.กิโมโนผลิตในญี่ปุ่นด้วยด้ายไหมไทยจากชุมชน
ขณะที่ DITP มีแนวทางสร้างการรับรู้และคุณค่าของผ้าไทยในตลาดโลก ผ่าน 4 กลไกหลัก ได้แก่ การบูรณาการความร่วมมือกับ SACIT นักออกแบบ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมและการตลาด การเล่าเรื่อง (storytelling) เกี่ยวกับลวดลาย เทคนิคการทอ และบทบาทของชุมชน การพัฒนาผ้าไทยให้ร่วมสมัย ตอบโจทย์ผู้บริโภคต่างประเทศ และการผลักดันผ้าไทยสู่เวทีแฟชันและไลฟ์สไตล์ระดับโลก เพราะการส่งเสริมผ้าไทยไม่ใช่เพียงการทำตลาด แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศ ตั้งแต่ต้นน้ำ การผลิตผ้าและช่างทอ ไปจนถึงปลายน้ำ ผู้ซื้อและแบรนด์ต่างประเทศ เพื่อให้ชุมชนมีรายได้อย่างยั่งยืน

ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง

