กรมพัฒน์สกรีน 9 หมื่นรายบัญชี HR-03 ผู้ถือบัตรคนจน 13.4 ล้านราย สกัดจดบัญชีม้านิติบุคคล

img

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าออก 5 มาตรการเข้ม สกัดบัญชีม้านิติบุคคล หลอกลวงประชาชน เตรียมสกรีนบุคคลเสี่ยง 9 หมื่นราย หากมายื่นจดตั้งบริษัท แจ้งชื่อเป็นกรรมการ หุ้นส่วน เรียกยืนยันตัวตนทันที พร้อมขยายผลตรวจสอบ 13.4 ล้านราย ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ป้องกันโดนหลอกใช้ชื่อมาจดทะเบียน เล็งตรวจบุคคลที่ยื่นจด 10-20 บริษัท หรือใช้ที่อยู่เดียวกันด้วย ย้ำตัวแทนจดบริษัท หากไม่ลงลายมือชื่อต่อหน้า ระงับการจดทะเบียนทันที

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้เพิ่มมาตรการจดทะเบียนนิติบุคคลรายใหม่ เพื่อป้องกันปัญหานอมินีบัญชีม้า เข้ามาใช้ประโยชน์จากการจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัท แล้วใช้เป็นช่องทางหลอกลวงประชาชน โดยมีจำนวน 5 มาตรการ คือ 1.ขยายการตรวจสอบบุคคลกลุ่มเสี่ยง (HR-03) 2.บูรณาการข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถานะทางการเงิน 3.พัฒนาระบบตรวจจับพฤติกรรมกลุ่มเสี่ยง 4.ปรับปรุงระเบียบ คำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียน และ 5.ระงับสิทธิ์ผู้ใช้งานระบบจดทะเบียนที่ฝ่าฝืนเงื่อนไขและข้อตกลง โดยสามารถดำเนินการได้ทันทีในบางมาตรการ และบางมาตรการ ต้องเปิดประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นก่อนออกเป็นคำสั่ง ระเบียบหรือประกาศ เพื่อบังคับใช้
         
โดยการขยายการตรวจสอบบุคคลกลุ่มเสี่ยง (HR-03) ขณะนี้ได้รับข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) มาแล้วจำนวนกว่า 9 หมื่นรายชื่อ ซึ่งหากมีชื่อบุคคลเหล่านี้ เข้ามายื่นจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล หรือแจ้งเปลี่ยนกรรมหาร หุ้นส่วน กรมจะแจ้งให้มายืนยันตัวตน ถ้ามายืนยันก็จะรับจดให้ แต่ถ้าไม่มา ก็จะไม่จดให้ ซึ่งส่วนใหญ่ พอเรียกไปก็ไม่มา โดยล่าสุด มีมายืนยันตัวตนประมาณ 40 ราย ซึ่งกรมก็รับจดให้ และจะแจ้งข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
         


สำหรับการดูแลเรื่องสถานะการเงิน กรมได้ประสานงานไปยังกระทรวงการคลัง เพื่อขอข้อมูลผู้ที่ขึ้นทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีอยู่จำนวน 13.4 ล้านราย เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพนำชื่อของบุคคลในกลุ่มนี้ มาใช้ยื่นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ทั้งการเป็นผู้ถือหุ้น เป็นกรรมการ หรือเป็นหุ้นส่วน เพราะที่ผ่านมา มีการตรวจสอบพบว่า มีการไปจ้างหรือไปหลอกให้คนในกลุ่มนี้มาเป็นผู้จดทะเบียน ทั้ง ๆ ที่คนกลุ่มนี้ มีเงื่อนไขในการเป็นผู้ถือบัตร คือ มีเงินสดในบัญชีไม่เกิน 1 แสนบาท มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 1 แสนบาท มีที่ดิน 1 ไร่ หากเป็นเกษตรกร 10 ไร่ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นผู้มีรายได้น้อย โดยหากกรมพบว่ามีชื่อมายื่นจดทะเบียน ก็จะเรียกให้มาแสดงตน และยื่นหลักฐานฐานะทางการเงิน
         
ส่วนการพัฒนาระบบตรวจจับพฤติกรรมกลุ่มเสี่ยง จะมุ่งตรวจสอบบุคคลที่มายื่นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในระยะเวลาไม่ห่างกัน เป็น 10 หรือ 20 บริษัท หรือใช้ที่อยู่ที่เดียวกันเป็นที่ตั้งบริษัท จะไม่อนุญาตให้จดทะเบียนได้ทันที จะเรียกมาชี้แจง และยืนยันตัวตน หลักฐานทางการเงิน หากเป็นที่อยู่เดียวกัน จะต้องมีใบยืนยันจากเจ้าบ้านให้ใช้เป็นสถานที่ตั้งมาแสดงด้วย โดยตั้งเป้าเอาไว้ไม่เกิน 5 ราย หากเกินนี้ จะเข้าไปตรวจสอบทันที
         
ทางด้านการปรับปรุงระเบียบที่เกี่ยวกับการจดทะเบียน พบว่า ในปัจจุบัน มีการยื่นจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเองประมาณ 15% อีก 85% เป็นการว่าจ้างให้ผู้จัดทำบัญชี ผู้สอบบัญชี สำนักงานบัญชี หรือสำนักงานทนายความ เป็นผู้ยื่นจดทะเบียนให้ ได้กำหนดให้การลงลายมือชื่อ ต้องทำต่อหน้าตัวแทน
         
ทั้งนี้ มาตรการสุดท้าย เป็นการระงับสิทธิ์ผู้ใช้งานจดทะเบียน โดยหากตรวจสอบพบว่า ไม่มีการลงลายมือชื่อต่อหน้าจริง ก็จะระงับการใช้ชื่อนี้ในการจดทะเบียนนิติบุคคลทันที จึงขอฝากให้กลุ่มบุคคล หรือสำนักงาน ที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนให้ช่วยกันทำตามที่กฎหมายกำหนด เพราะตัวแทนเอง ก็อาจจะเป็นเครื่องมือให้กับมิจฉาชีพก็ได้ และยิ่งถ้าพบความเสียหายเกิดขึ้นในภายหลัง ต้องรับผิดชอบทั้งทางแพ่งและอาญาด้วย

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง