”ศุภจี”ย้ำส่งออกเครื่องยนต์หลักปั๊มเศรษฐกิจไทย สั่งลุยขยายตลาดเดิม รุกตลาดใหม่

img

“ศุภจี”ย้ำส่งออก เครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 60% ของจีดีพี ยันเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้กับการส่งออก ทั้งขยายตลาดเดิม หาตลาดใหม่ เอาตัวข้าไปอยู่ใน Supply Chain ใหม่ และกระจายทั้งสินค้าและตลาด ลุยเจรจา FTA รับมือภาษีสหรัฐฯ เสริมแกร่ง SME และฐานราก

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการปาฐกถาพิเศษในงาน Bangkok Post Economic Forum 2025 หัวข้อ “Reigniting Thailand’s Growth Engine: Trade and Exports” ณ ห้อง World Ballroom โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ว่า หากเปรียบเศรษฐกิจไทยเป็นเครื่องจักร การส่งออก คือ เครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุด เพราะสร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 60% ของจีดีพี และในช่วง 9 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ก.ย.) การส่งออกไทยมีมูลค่า 254,146.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 13.9% ส่งผลดีต่อการจ้างงาน การกระจายรายได้ และยกระดับความสามารถแข่งขันของประเทศ
         
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับการส่งออกไทย ภายใต้แนวทาง Balance–Inclusive–Diversify สร้างสมดุลระหว่างการขยายตลาดเดิม หาตลาดใหม่ เอาตัวเราไปอยู่ใน Supply Chain ใหม่ และกระจายทั้งสินค้าและตลาด โดยเน้นการรักษาความสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจอย่างสมดุล สร้างความเชื่อมโยงภายในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียแปซิฟิก และใช้ทำเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศไทยเป็นจุดแข็งในการเป็น Regional Hub ด้านโลจิสติกส์และพลังงาน พร้อมยกระดับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความมั่นคงทางอาหาร (Food Security Hub) ศูนย์กลางอุตสาหกรรม S-Curve ของภูมิภาค และปรับโครงสร้างจากการผลิตเชิงปริมาณสู่การผลิตเชิงมูลค่า

โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ขับเคลื่อนเครื่องยนต์ทางการค้า ภายใต้มาตรการ Quick Big Wins กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว มี 4 นโยบายสำคัญในการผลักดันการค้า คือ นโยบายเชิงรุก เร่งเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) และบุกตลาดใหม่ นโยบายเชิงรับ รับมือภาษีสหรัฐฯ และการเบี่ยงเบนทางการค้า นโยบายเชิงฐานราก เพิ่มศักยภาพ SME และนโยบายสร้างเสถียรภาพ เสริมรายได้ฐานราก



นางศุภจีกล่าวว่า ปัจจุบันการลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มขึ้น จากนโยบาย Reshoring และ Friend-Shoring เป็นการช่วยทำให้เราปรับตัวทั้งผู้ประกอบการไทยและผู้ประกอบการต่างประเทศที่อยู่ในไทยต้องปรับตัวในการเพิ่ม Local Content ให้มากขึ้น เป็นการสร้างงานและรายได้ให้หมุนเวียนอยู่ในประเทศมากขึ้น มิฉะนั้น ไทยจะเสี่ยงกลายเป็นเพียงจุดส่งต่อ (Trans-Shipment) การใช้โอกาสนี้ช่วยสร้างระบบเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานกับแรงงานไทย สร้าง SME ใหม่ และใช้วัตถุดิบในประเทศมากขึ้น เพื่อให้เศรษฐกิจเข้มแข็งจากฐานราก

“เราต้องมุ่งผลิตตามความต้องการของตลาด Demand Driven มากกว่า Supply Driven ดูความต้องการของตลาด ต้องวิเคราะห์ความต้องการตลาดถึงระดับ HS Code ว่าสินค้าใดมีศักยภาพและคู่ค้าต้องการอะไร โดยมองประโยชน์ของคู่ค้า แล้วหาผลประโยชน์ร่วมกัน และต้องปรับการผลิตสู่ High Value Production ไม่ใช่นำเข้าชิ้นส่วนมาแค่ประกอบ แต่ต้องเพิ่มสัดส่วน Local Content พัฒนาความสามารถผลิตเทคโนโลยีขั้นสูง และสร้างจุดยืนในห่วงโซ่อุปทานโลกให้มีความมั่นคงและ Resilient โดยในช่วง 4 เดือนของการทำงาน ได้กำหนด Weekly KPI ให้ทีมงานทุกคน หากภารกิจติดขัด จะวิเคราะห์และแก้ไขทันที เพื่อให้มาตรการกระตุ้นสั้น เกิดผลยาว และกระจายประโยชน์ไปทุกภาคส่วน สร้างระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืน”นางศุภจีกล่าว

นางศุภจีกล่าวว่า ปัจจุบัน โลกกำลังเผชิญความผันผวนจาก 4 เทรนด์สำคัญ ได้แก่ 1.De-globalization การค้าโลกเปลี่ยนแปลงและเกิด Trade Diversion ในยุค De-globalization ประเทศต่าง ๆ เริ่มคัดเลือกคู่ค้าตามความเสี่ยง และแยกห่วงโซ่อุปทานออกจากคู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูง เกิดกำแพงภาษีและกฎระเบียบเฉพาะประเทศมากขึ้น ห่วงโซ่อุปทานจึงย้ายจากประเทศหนึ่งไปยังประเทศที่ปลอดภัยกว่า ผลลัพธ์ คือ Trade Diversion ขนานใหญ่ เช่น กลุ่มประเทศตะวันตกย้าย Supply Chain ออกจากจีนมาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย เม็กซิโก เวียดนาม และไทย ได้รับการค้าใหม่เข้ามาแทน และการค้าจะเกิดขึ้นตามความไว้ใจและความมั่นคงมากกว่าราคาที่ต่ำสุด

2.De-carbonization สภาพอากาศที่แปรปรวนส่งผลกระทบทั้งต่อความมั่นคงทางอาหารของโลก หลายประเทศจึงมุ่งเป้าไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ เช่น ยุโรป ที่จะเริ่มบังคับใช้มาตรการ CBAM 3.Digitalization เทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมโลก และ 4.Demographics การเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุและอัตราการเกิดลดลง หากไทยไม่ปรับตัว จะสูญเสียแรงส่งด้านการส่งออกและการค้า


 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง