“ศุภจี”ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOC) ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ขายข้าวรัฐบาลสิงคโปร์ เพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร ปริมาณ 1 แสนตัน เผยแม้จะไม่มากเมื่อเทียบกับยอดส่งออกรวมของไทย แต่เป็นจุดเริ่มต้นในการยกระดับสินค้าเกษตรของไทย และความเชื่อมั่นในการเป็นฮับความมั่นคงทางอาหารของภูมิภาค เตรียมขยายความร่วมมือไปยังสินค้าเกษตรอื่น และขยายความร่วมมือไปยังประเทศในภูมิภาคและนอกภูมิภาคต่อไป
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนได้ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOC) ด้านการค้าข้าวระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลสิงคโปร์ กับ Ms.Grace Fu รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมของสิงคโปร์ และมีนายซาคี โมฮัมหมัด รัฐมนตรีอาวุโสแห่งรัฐ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมของสิงคโปร์ มาเป็นผู้แทนถ่ายภาพความสำเร็จ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายลอเรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ระหว่างไทย-สิงคโปร์ที่ได้เซ็นความร่วมมือเพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) และขยายความร่วมมือด้านการค้าข้าวระหว่างสองประเทศ โดยรัฐบาลไทยตกลงที่จะขายข้าวให้แก่รัฐบาลสิงคโปร์ในปริมาณสูงสุดไม่เกิน 1 แสนตัน
ทั้งนี้ การซื้อขายจะดำเนินการตามหลักปฏิบัติทางการค้าสากลและในราคาตลาดโลกขณะนั้น โดยภายใต้บันทึกความร่วมมือ กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศ และกระทรวงความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมของสิงคโปร์ มอบหมาย Singapore Food Agency (SFA) เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ โดยบันทึกความร่วมมือฉบับนี้ มีผลเป็นระยะเวลา 5 ปี และสามารถต่ออายุได้ตามความเห็นชอบร่วมกันของทั้งสองฝ่าย
นางศุภจีกล่าวว่า แม้ปริมาณข้าวภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ จะมีปริมาณ 1 แสนตัน ซึ่งอาจไม่มากเมื่อเทียบกับการส่งออกข้าวทั้งหมดของไทย แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ เพราะเป็นการวางรากฐานในการยกระดับศักยภาพสินค้าเกษตรไทยสู่ระดับสากล โดยเฉพาะในมิติของความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญของโลกในปัจจุบัน เพราะการที่รัฐบาลไทยสามารถจัดทำความร่วมมือแบบรัฐบาลต่อรัฐบาลกับสิงคโปร์ ซึ่งมีระบบจัดการอาหารและมาตรฐานคุณภาพสูงได้ สะท้อนถึงศักยภาพ ความน่าเชื่อถือ และคุณภาพของสินค้าเกษตรไทย

นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงความไว้วางใจในข้าวไทยและระบบจัดการสินค้าเกษตรของไทย และยังนับเป็นก้าวสำคัญในการเสริมเสถียรภาพด้านอาหารของอาเซียน โดยไทยพร้อมเป็นพันธมิตรที่มั่นคงในการส่งมอบข้าวคุณภาพสูง เพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาค และสร้างประโยชน์ร่วมให้แก่เกษตรกรและภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ
อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือจะไม่จำกัดอยู่เพียงเฉพาะข้าวเท่านั้น แต่จะขยายความครอบคลุมไปยังสินค้าเกษตรอื่น ๆ ของไทยในอนาคต เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและโอกาสทางการค้าใหม่ ๆ รวมถึงจะขยายความร่วมมือไปยังประเทศคู่ค้ารายอื่นในภูมิภาคและนอกภูมิภาค ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านความมั่นคงทางอาหาร (Food Security Hub) ของภูมิภาคอย่างแท้จริงต่อไป
ปัจจุบันสิงคโปร์เป็นตลาดข้าวที่มีศักยภาพของไทย เนื่องจากเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงด้านความมั่นคงทางอาหารจากข้อจำกัดของพื้นที่และทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้ไม่มีการเพาะปลูกข้าวเพื่อการบริโภคภายในประเทศ ส่งผลให้ต้องพึ่งพาการนำเข้าข้าวเพื่อบริโภคและสำรองเป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร การลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการค้าข้าวระหว่างไทยและสิงคโปร์ จึงมีความสำคัญต่อการสร้างเสถียรภาพด้านอาหารของสิงคโปร์ และยังช่วยยืนยันบทบาทของไทยในฐานะผู้ผลิตและผู้ส่งออกข้าวคุณภาพสูงที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดต่างประเทศได้อย่างมั่นคงต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นในการแสดงให้เวทีโลกเห็นถึงศักยภาพและความพร้อมของไทยในการเป็น Food Security Hub
การส่งออกข้าวของไทยไปสิงคโปร์ในช่วง 9 เดือนของปี 2568 (ม.ค.–ก.ย.) มีปริมาณ 90,031 ตัน เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปี 2567 ที่มีปริมาณ 85,742 ตัน ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกข้าวหอมมะลิไทย ร้อยละ 49.99 ข้าวขาว ร้อยละ 29.04 และข้าวหอมไทย ร้อยละ 16.26 ตามลำดับ ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยเป็นแหล่งนำเข้าข้าวอันดับสามของสิงคโปร์ มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 22.34 รองจากอินเดีย ร้อยละ 42.82 และเวียดนาม ร้อยละ 28.10

ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง

