ใช้ FTA ส่งออก 8 เดือน มูลค่า 1.94 ล้านล้าน อาเซียนนำโด่ง ยานยนต์-ทุเรียนแรง

img

กรมการค้าต่างประเทศเผยการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ช่วง 8 เดือน ปี 68 มีมูลค่า 60,245.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 8.40% อาเซียนนำโด่งใช้สิทธิ์สูงสุด ตามด้วยอาเซียน-จีน อาเซียน-อินเดีย ไทย-ญี่ปุ่น และไทย-ออสเตรเลีย ส่วนสินค้าใช้สิทธิ์สูงสุด ยานยนต์แชมป์ ตามด้วยทุเรียนสด ยางสังเคราะห์ แพลทินัม เนื้อไก่ปรุงแต่ง เตรียมลุยผลักดันผู้ประกอบการใช้สิทธิ์ต่อ ปี 69 ลงพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 12 จังหวัด เป้าอบรม 1,200 ราย
         
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ของไทยในช่วง 8 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ส.ค.) ยังขยายตัวต่อเนื่อง มีมูลค่ารวม 60,245.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.94 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 8.40% คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 80.71% ของสินค้าที่ได้สิทธิ์ทั้งหมด โดยการใช้สิทธิ์ส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรก คือ ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) เป็นอันดับหนึ่ง มูลค่า 21,117.59 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนการใช้สิทธิ์ 68.69% รองลงมา คือ ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) มูลค่า 17,354.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 93.99% ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย (AIFTA) มูลค่า 6,895.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 74.53% ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) มูลค่า 4,628.99 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 84.05% และความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) มูลค่า 3,625.78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วน 56.12%

สำหรับสินค้าที่มีการใช้สิทธิ์สูงในช่วง 8 เดือน แบ่งเป็นสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ทุเรียนสด 2.เนื้อไก่ปรุงแต่ง 3.น้ำตาลที่ได้จากอ้อย 4.ผลไม้สด (เงาะ ลำไย และทับทิม) และ 5.ผลไม้สด (ฝรั่ง มะม่วง และมังคุด) มูลค่ารวม 17,077.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 28.35% ของมูลค่าการใช้สิทธิ์ทั้งหมด และสินค้าอุตสาหกรรม 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ยานยนต์สำหรับขนส่งของ 2.ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ 3.แพลทินัมยังไม่ได้ขึ้นรูป (อันรอต) กึ่งสำเร็จรูปหรือเป็นผง 4.เครื่องจักรอัตโนมัติ และ 5.เครื่องปรับอากาศชนิดติดผนังหรือติดเพดาน มูลค่ารวม 43,168.31 หรือคิดเป็น 71.65% ของมูลค่าการใช้สิทธิ์ทั้งหมด



โดยหากเจาะลึกลงไป พบว่า สินค้าที่มีการขอใช้สิทธิ์ FTA สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ยานยนต์สำหรับขนส่งของ 2.ทุเรียนสด 3.ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ 4.แพลทินัมยังไม่ได้ขึ้นรูป (อันรอต) และ 5.เนื้อไก่ปรุงแต่ง ตามลำดับ โดยตลาดจีนยังคงเป็นฐานสำคัญของสินค้าเกษตรไทย และทุเรียนยังคงครองแชมป์สินค้าขอใช้สิทธิ์สูงสุดต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดอินเดียมีการขยายตัวโดดเด่นในสินค้ากลุ่มเครื่องเพชรพลอยและแพลทินัม
         
นางอารดากล่าวว่า ในยุคที่ภูมิรัฐศาสตร์โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และมาตรการทางการค้าระหว่างประเทศมีความเข้มงวดมากขึ้น การใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTA จึงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของไทย ที่ไม่เพียงช่วยลดอุปสรรคทางการค้าและสร้างแต้มต่อด้านภาษีให้ผู้ประกอบการ แต่ยังเป็นเครื่องมือในการกระจายความเสี่ยง เพิ่มตลาดใหม่ โดยรักษาความมั่นคงของตลาดเดิม ซึ่งไทยกำลังเร่งขยายเครือข่ายความร่วมมือทางการค้าในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะการผลักดัน FTA ฉบับใหม่กับยุโรปและเกาหลีใต้ ควบคู่กับการเปิดเจรจากรอบการค้ากับตลาดศักยภาพใหม่ตามแผนเร่งรัดของรัฐบาล ซึ่งจะเสริมความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจให้พร้อมรับความผันผวนของการค้าโลกและช่วยให้ไทยรักษาบทบาทในห่วงโซ่การผลิตโลก รวมถึงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากยิ่งขึ้น FTA จึงไม่ใช่เพียงข้อตกลงระหว่างประเทศ แต่คือทั้งเกราะป้องกันและกุญแจเปิดตลาดใหม่ ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยก้าวต่อได้อย่างมั่นคง
         
ทั้งนี้ ในส่วนของกรมจะเดินหน้าผลักดันและส่งเสริมการใช้สิทธิประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการจัดสัมมนาให้ความรู้ทั่วประเทศ โดยในปีงบประมาณ 2569 มีแผนจัดสัมมนาและเวิร์กชอปอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมพื้นที่สำคัญทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพฯ พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี เชียงราย พิษณุโลก ตาก อุบลราชธานี ชลบุรี จันทบุรี ปราจีนบุรี ระนอง และสงขลา ตั้งเป้าอบรมผู้ประกอบการไม่น้อยกว่า 1,200 ราย เพื่อเสริมความรู้และศักยภาพให้กับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SME ให้เข้าใจขั้นตอนการใช้สิทธิ์ FTA ได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง