อาเซียนกันความเสี่ยงภูมิเศรษฐศาสตร์ ร่วมมือกฎถิ่นกำเนิดสินค้า เร่งอัปเกรด FTA

img

“ศุภจี”เผยผลประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) ร่วมมือรับความเสี่ยงจากภูมิเศรษฐศาสตร์ เสนอร่วมมือด้านกฎถิ่นกำเนิดสินค้า เร่งอัปเกรด FTA เตรียมลงนาม Upgraded ATIGA และ ACFTA 3.0 ช่วงการประชุมผู้นำ 26-28 ต.ค.นี้ ส่วนกรอบอาเซียน-อินเดีย ตั้งเป้าสรุปผลให้ได้ในปีนี้ รับทราบความคืบหน้าติมอร์-เลสเต เข้าเป็นสมาชิกใหม่
         
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) ครั้งที่ 26 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ว่า ได้ร่วมการประชุมกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อกำหนดทิศทางการรวมกลุ่มและการเติบโตทางเศรษฐกิจท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยจะเน้นเสริมความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจเพื่อรับมือความเสี่ยงจากภูมิเศรษฐศาสตร์ ซึ่งมีผลต่อห่วงโซ่การค้าและการส่งออกของอาเซียน โดยไทยเน้นย้ำให้อาเซียนร่วมมือกันด้านเกณฑ์ถิ่นกำเนิดสินค้า เพื่อป้องกันปัญหาการสวมสิทธิ์ถ่ายเทสินค้าผ่านประเทศที่สาม และปรับปรุงการปฏิบัติตามกฎถิ่นกำเนิดสินค้า (ROOs) ให้โปร่งใสและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการรักษาความเชื่อมั่นและความเชื่อมโยงห่วงโซ่ทางการค้าของไทยในระยะยาว
         
ทั้งนี้ ไทยยังสนับสนุนการจัดทำและปรับปรุง FTA ให้รองรับการค้าสมัยใหม่ เพื่อขยายโอกาส ทางการค้า โดยเฉพาะกับตลาดอาเซียน จีน และอินเดีย โดยมีกำหนดจะร่วมลงนามความตกลง FTA สำคัญที่ปรับปรุงใหม่ 2 ฉบับ ได้แก่ ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน (Upgraded ATIGA) และความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA 3.0) ในช่วงการประชุมผู้นำอาเซียน ระหว่างวันที่ 26-28 ต.ค.2568 ซึ่งจะเสริมให้การค้ามีความสะดวกมากขึ้น ลดอุปสรรคด้านกฎเกณฑ์ให้กับการทำธุรกิจของภาคเอกชนพร้อมกันนี้ โดยไทยเน้นย้ำให้เร่งเจรจาทบทวน FTA ของอาเซียนกับอินเดียให้คืบหน้าและสามารถสรุปผลได้ภายในปีนี้ เพื่อขยายการค้าเข้าสู่ตลาดอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดศักยภาพใหม่ขนาดใหญ่กว่า 1,400 ล้านคน



ขณะเดียวกัน ได้ทราบความคืบหน้าการรับติมอร์-เลสเต เป็นสมาชิกลำดับที่ 11 ของอาเซียน ซึ่งจะเป็นโอกาสการขยายตลาดภายในภูมิภาคและเพิ่มโอกาสทางการค้าการลงทุนของไทย ตามแผนมาตรการเร่งด่วนในการบุกตลาดใหม่ของรัฐบาลด้วย
         
นางศุภจีกล่าวว่า ในวาระด้านความยั่งยืนของอาเซียน อาเซียนได้ผลักดันให้เป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนสำคัญ ในการสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันใหม่ของภูมิภาค ซึ่งรวมถึงเรื่องการลดการปล่อยคาร์บอน เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจภาคทะเล โดยไทยเน้นย้ำที่ประชุมถึงการลงมือดำเนินการให้เป็นรูปธรรม และจำเป็นต้องมีกลไกการประสานงานและการติดตามผลที่เป็นระบบ เพื่อให้การดำเนินงานด้านความยั่งยืนของอาเซียนเกิดผลในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง
         
อาเซียนเป็นเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของโลก การขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง 4.8% ในปี 2567 และคาดการณ์ขยายตัว 4.3% ในปี 2568 และการค้าภายในกลุ่มขยายตัว 8.9% ในปีที่ผ่านมา การลงทุนภายในภูมิภาคขยายตัว 43.5% และการลงทุนจากภายนอกเพิ่มขึ้น 8.5% สะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตของภูมิภาคท่ามกลางความผันผวนทางการค้าโลกในปัจจุบัน

โดยอาเซียนเป็นคู่ค้าอันดับที่ 1 ของไทย ในปี 2567 มีมูลค่าการค้ารวม 120,418 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยได้ดุลการค้า 20,013 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปอาเซียน ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องคอมพิวเตอร์ และแผงวงจรไฟฟ้า และสินค้าสำคัญที่ไทยนำเข้าจากอาเซียน ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า น้ำมันดิบ เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเคมีภัณฑ์ ตลาดสำคัญสำคัญ ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง