กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจับมือ SME D Bank เสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ SME ไทย เผยมีสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษให้กับผู้ประกอบการที่ผ่านการส่งเสริม ทั้งแฟรนไชส์ ธุรกิจบริการ ร้านอาหาร ธุรกิจออฟไลน์ ออนไลน์ วงเงินตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป พร้อมร่วมมือช่วยวางรากฐานทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับผู้ประกอบการด้วย
         
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้หารือกับนายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank พร้อมคณะผู้บริหารธนาคาร เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของผู้ประกอบการ SME ไทย ผ่านการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจ โดย SME D Bank ได้เตรียมวงเงินสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษให้ผู้ประกอบการที่อยู่ในการส่งเสริมของกรมเพื่อนำไปต่อยอดขยายธุรกิจหรือเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจวงเงินตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น

สำหรับแนวทางความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยผลักดันผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างรวดเร็ว เพื่อยกระดับธุรกิจให้เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ธุรกิจยุคใหม่อย่างเป็นระบบด้วยโครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA) ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ SME อาทิ มาตรการสนับสนุน หรือแพกเกจสินเชื่อพิเศษสำหรับกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต และเป็นกลไกสำคัญในระบบเศรษฐกิจ อาทิ ธุรกิจแฟรนไชส์ ธุรกิจบริการ ธุรกิจร้านอาหาร ตลอดจนผู้ประกอบการที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจทั้งออฟไลน์และออนไลน์ที่ผ่านการพัฒนาจากโครงการต่าง ๆ ของกรม  
         


นอกจากนี้ ทั้ง 2 หน่วยงาน ยังได้ร่วมกันวางรากฐานระยะยาวด้านการส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจที่เหมาะสมและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น โดยกรมและ SME D Bank ได้ร่วมกันวางแนวทางพัฒนาผู้ประกอบการผ่านโปรแกรมเสริมแกร่งเอสเอ็มอีไทย ด้วยการพัฒนาองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นในการบริหารจัดการธุรกิจยุคดิจิทัล พร้อมทั้งสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้แก่ผู้ประกอบการไทยในการต่อยอดและยกระดับธุรกิจให้สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
         
“แนวทางความร่วมมือในครั้งนี้ ไม่เพียงช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ต่อยอดพัฒนาธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศในระยะยาว เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการธุรกิจให้สามารถลดต้นทุนและขยายโอกาสทางการค้าไปยังตลาดใหม่ทั้งในและต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจากนี้ กรมและ SME D Bank จะร่วมกันประชาสัมพันธ์ข้อมูลดังกล่าวไปยังเครือข่ายผู้ประกอบการทั้งของกรม และ SME D Bank ตลอดจนเครือข่ายพันธมิตร เพื่อชักชวนให้เข้ามาใช้บริการต่อไป”นายพูนพงษ์กล่าว