​“พาณิชย์”ผลักดันใช้ทรัพย์สินทางปัญญาแปลงเป็นทุน ช่วยผู้ประกอบการมีเงินทำธุรกิจ

img

กรมทรัพย์สินทางปัญญาเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย IP 4 All ในประเด็นทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อธุรกิจ (IP for Business) เตรียมจับมือหน่วยงานภาคีต่าง ๆ ตลาดทุน สถาบันการเงิน สมาคมประเมินมูลค่าทรัพย์สิน นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญ ประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญาและเปลี่ยนให้เป็นทุน เพื่อเพิ่มโอกาสผู้ประกอบการไทยใช้สิทธิบัตร อนุสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า ความลับทางการค้า เป็นหลักประกันเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายและสะดวกขึ้น
         
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้เริ่มขับเคลื่อนนโยบาย IP 4 All ในประเด็นทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อธุรกิจ (IP for Business) โดยได้ผลักดันโครงการ IP Financing หรือการประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญาและเปลี่ยนเป็นทุน เพื่อให้นักธุรกิจ ภาคเอกชน รวมถึงผู้ประกอบการ SME สามารถใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหลักประกันในการระดมทุน หรือขอรับการสนับสนุนทางการเงินจากสถาบันการเงินได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น ตามนโยบายที่ได้รับจากนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่สั่งการให้เร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความผันผวนต่าง ๆ ทั้งปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ การกีดกันทางการค้า ข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งทุน การขาดแคลนเทคโนโลยีและการพึ่งพานวัตกรรมจากต่างประเทศ
         
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน SME ไทยมีสัดส่วนกว่า 99% ของภาคธุรกิจทั้งหมด และเป็นแหล่งจ้างงานกว่า 70% ของการจ้างงานทั้งหมดภายในประเทศ ความท้าทายที่ SME ต้องเผชิญย่อมส่งผลโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจไทยในภาพรวมที่มีการเติบโตแบบชะลอตัว และเป็นอุปสรรคสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ ส่งผลให้ประเทศไทยต้องติดหล่มกับดักรายได้ปานกลางมานานหลายปี กรมจึงมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้สามารถใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเสริมแกร่งธุรกิจให้เติบโตอย่างมีศักยภาพและเป็นรูปธรรม สามารถนำนวัตกรรม ผลงานวิจัยพัฒนา และผลงานการสร้างสรรค์ของคนไทยที่เข้าสู่กระบวนการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญามาประเมินมูลค่า เพื่อเข้าถึงแหล่งทุนของภาคธุรกิจ (IP Financing) ทั้งระดมทุนจากนักลงทุนหรือกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน ซึ่งจะเพิ่มโอกาสและทางรอดของ SME ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างเข้มแข็งในยุคปัจจุบัน
         


อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ทำให้การใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญา เช่น สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ เป็นต้น ยังไม่แพร่หลายหรือได้รับการยอมรับเท่าที่ควรในช่วงที่ผ่านมา เพราะยังขาดความเชี่ยวชาญและแนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญา และขาดตลาดกลางในการซื้อ-ขายทรัพย์สินทางปัญญาในวงกว้าง โดยกรมจะเร่งประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีต่าง ๆ อาทิ ตลาดทุน สถาบันการเงิน สมาคมประเมินมูลค่าทรัพย์สิน รวมทั้งนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญาทั้งของไทยและต่างประเทศ ร่วมหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลและความเห็นจากกรณีศึกษาและประสบการณ์ ตลอดจนความสำเร็จของประเทศต่าง ๆ เช่น สิงคโปร์ จีน และเกาหลีใต้ เพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดของไทย ไปสู่การวางรากฐานการประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญาไทยและการนำทรัพย์สินทางปัญญาไปใช้เป็นทุนหรือหลักประกันทางธุรกิจ ซึ่งจะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการจัดทำแผนธุรกิจ การกำหนดกลยุทธ์ในการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา และการยกระดับศักยภาพ (Upskill) ของ SME

“กรมเตรียมร่วมกับหน่วยงานภาคี จัดการสัมมนาและกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการประเมินมูลค่าและใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหลักประกันธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยที่มีทรัพย์สินทางปัญญา แต่ยังไม่มีเงินทุน สามารถมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งทรัพย์สินทางปัญญาประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิบัตร อนุสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า ความลับทางการค้า ล้วนมีมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาลและสามารถใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจได้”นางอรมนกล่าว

ปัจจุบัน ทรัพย์สินทางปัญญามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจในโลกยุคปัจจุบัน หากไทยสามารถวางรากฐานให้ใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่พลิกวิกฤติทางเศรษฐกิจให้เป็นโอกาสของ SME ไทย อีกทั้งยังกระตุ้นให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมและต่อยอดการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและยกระดับเศรษฐกิจของประเทศให้ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมอย่างยั่งยืนต่อไป

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง