
กรมการค้าต่างประเทศนำคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและภาคเอกชน เดินทางเยือนญี่ปุ่น นัดหารือกับกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงของญี่ปุ่น หน่วยงานตรวจสอบคุณภาพข้าว และผู้นำเข้ารายสำคัญ ผลักดันซื้อข้าวไทยเพิ่ม แย้มเตรียมปลดล็อกให้ผู้ประกอบการนำเข้าข้าวญี่ปุ่นเพิ่มเป็นรายละ 200-300 ตัน หนุนการเติบโตของร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย และนัดคุยคอฟโก รัฐวิสาหกิจจีน ซื้อข้าวไทย 2.8 แสนตัน ในส่วนที่ยังค้างอยู่
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 7–11 ก.ย.2568 กรมจะนำคณะผู้ส่งออกข้าวไทย เดินทางไปพบปะหารือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับสินค้าข้าวของญี่ปุ่น ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า และรักษาตลาดข้าวไทยในญี่ปุ่น ตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ที่มอบหมายให้กรมรักษาปริมาณการส่งออกข้าวไปญี่ปุ่นที่ปีละประมาณ 300,000 ตันให้คงอยู่ และหาทางเพิ่มยอดส่งออกให้เพิ่มขึ้น เพื่อหาตลาดรองรับผลผลิตข้าวนาปี ปีการผลิต 2568/69 ที่กำลังจะออกสู่ตลาด
โดยในการเดินทางไปครั้งนี้ จะพบหารือกับกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงของญี่ปุ่น (Ministry of Agriculture, Forestry and Fisheries : MAFF) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ทำหน้าที่กำหนดปริมาณการนำเข้าข้าวและกำกับดูแลการประมูลเพื่อนำเข้าข้าวของญี่ปุ่น บริษัท Overseas Merchandise Inspection Company (OMIC) ซึ่งเป็นหน่วยงานตรวจสอบคุณภาพข้าวที่จะนำเข้าของญี่ปุ่น และผู้นำเข้าข้าวรายสำคัญของญี่ปุ่น ประกอบด้วย บริษัท Kitoku Shinryo Co., Ltd. บริษัท ITOCHU Food Sales and Marketing Co., Ltd. และบริษัท Kanematsu Corporation รวมทั้งโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าวรายสำคัญของญี่ปุ่น
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นประเทศผู้ผลิตและผู้นำเข้าข้าวรายสำคัญของโลก แต่ละปีมีผลผลิตข้าวประมาณ 7.28–7.64 ล้านตัน และมีความต้องการข้าวปีละมากกว่า 8 ล้านตัน โดยนำเข้าข้าวจากต่างประเทศปีละประมาณ 700,000 ตัน ซึ่งแหล่งนำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ไทย สหรัฐฯ ออสเตรเลีย และจีน
ปี 2567 ญี่ปุ่นนำเข้าข้าวจากต่างประเทศแล้วประมาณ 402,157 ตัน เพิ่มขึ้น 9.15% โดยนำเข้าจากสหรัฐฯ มากที่สุด รองลงมา คือ ไทย ออสเตรเลีย และจีน ตามลำดับ โดยไทยส่งออกข้าวไปญี่ปุ่นประมาณ 257,000–336,000 ตัน ครองส่วนแบ่งตลาดนำเข้าข้าวของญี่ปุ่นประมาณ 37–45% และในช่วง 8 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ส.ค.) ไทยส่งออกข้าวไปญี่ปุ่นแล้วประมาณ 148,000 ตัน ลดลง 19.36% เนื่องจากชาวญี่ปุ่นนิยมบริโภคข้าวเมล็ดสั้นเป็นอาหารหลัก แต่ในช่วงที่ผ่านมา ญี่ปุ่นผลิตข้าวได้ไม่เพียงพอกับความต้องการในประเทศ จึงต้องนำเข้าข้าวเมล็ดสั้นหรือเมล็ดกลางจากต่างประเทศเข้าไปทดแทนผลผลิตข้าวในประเทศ
ขณะที่ข้าวไทยที่ส่งออกไปญี่ปุ่นเป็นข้าวเมล็ดยาว ได้แก่ ข้าวขาว ข้าวเหนียว และข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งส่วนใหญ่ประมาณ 90% ของปริมาณข้าวไทยที่ส่งออกไปญี่ปุ่น ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เช่น ผลิตสาเก และขนมอบกรอบ เนื่องจากข้าวไทยเป็นที่ยอมรับในด้านคุณภาพและมาตรฐาน ส่วนข้าวไทยที่เหลืออีก 10% ถูกนำไปใช้ในครัวเรือนและร้านอาหารในญี่ปุ่น ด้วยจุดเด่นของข้าวไทยโดยเฉพาะข้าวหอมมะลิไทยในด้านความนุ่มความหอม และรสชาติเฉพาะตัวจึงเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคข้าวในญี่ปุ่น
นางอารดากล่าวว่า กรมยังมีแผนพิจารณาเพิ่มปริมาณการนำเข้าข้าวญี่ปุ่นสำหรับร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยให้มากขึ้นเป็นรายละ 200-300 ตัน/ปี จากปกติรายละไม่เกิน 100 ตัน/ปี เพื่อสนับสนุนการเติบโตของร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย และยังเป็นการแสดงความจริงใจกับญี่ปุ่นในการเปิดตลาดข้าวให้กับญี่ปุ่น และหวังว่าญี่ปุ่นจะเพิ่มการนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น ส่วนการนำเข้าข้าวญี่ปุ่นดังกล่าว ไม่กระทบต่อราคาข้าวในประเทศ เพราะข้าวญี่ปุ่นเป็นข้าวเฉพาะ ที่เกษตรกรไทยปลูกไม่ได้ และที่ผ่านมา ญี่ปุ่นส่งออกข้าวมาไทยน้อยมากปีละ 2,000-3,000 ตันเท่านั้น
ส่วนการผลักดันการส่งออกข้าวไทยไปจีน กรมได้นัดหารือกับคอฟโก้ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีนที่ดำเนินธุรกิจด้านอาหารและเกษตรกรรม เพื่อให้พิจารณาเร่งนำเข้าข้าวจากไทยในส่วนที่เหลืออีก 280,000 ตัน จากสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) 1 ล้านตัน ให้ได้โดยเร็วที่สุด คาดว่า จะได้ผลตอบรับที่ดี เพราะปัจจุบันจีนนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปีนี้มีอัตราเติบโตถึง 178%
สำหรับเป้าหมายการส่งออกข้าวไทยในปี 2568 ที่ตั้งไว้ที่ 7.5 ล้านตัน ถือเป็นความท้าทายสูง เพราะในช่วง 7 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ก.ค.) ส่งออกได้ปริมาณ 4.30 ล้านตัน ลดลง 25.09% มูลค่า มูลค่า 86,412.72 ล้านบาท ลดลง 35.35% โดยมีสาเหตุจากผลผลิตข้าวโลกเพิ่ม อินเดียกลับมาส่งออกตามปกติ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดข้าวสำคัญของไทยชะลอการนำเข้า และเงินบาทแข็งค่า ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยลดลง แต่กรมจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันการส่งออกให้เป็นไปตามเป้าหมายให้ได้
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง