
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและ ธ.ก.ส. มอบวงเงินสินเชื่อให้กับเกษตรกรอำเภอถ้ำพรรณรา ซึ่งเป็นเกษตรกรรายแรกใน จ.นครศรีธรรมราช ที่ได้รับวงเงินสินเชื่อจากการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ เผยจะช่วยเปิดประตูให้กับเกษตรกร และ SME มีความรู้ความเข้าใจ และใช้ไม้ยืนต้นค้ำประกันขอกู้เงินไปทำธุรกิจและใช้สอยในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้น ล่าสุดทั้งประเทศมีการนำไม้ยืนต้นค้ำประกันขอกู้เงินแล้ว 1.7 แสนต้น วงเงินรวม 186 ล้านบาท
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ณ ธนาคารต้นไม้บ้านทุ่งจูด อ.ถ้ำพรรณรา เพื่อร่วมกันมอบวงเงินจดทะเบียนไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจให้แก่นายสุมิตร ศรีวิสุทธิ์ เกษตรกรอำเภอถ้ำพรรณรา ที่ได้รับวงเงินสินเชื่อ 50,000 บาท จากราคาประเมิน 103,735 บาท กรณีนำไม้ยืนต้นที่ปลูกบนที่ดินของตนเอง จำนวน 137 ต้น ได้แก่ ต้นสักทอง 100 ต้น ต้นตะเคียนทอง 21 ต้น ต้นแดง 9 ต้น ต้นพะยูง 6 ต้น และ ต้นมะขาม 1 ต้น มาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ โดยนายสุมิตรถือเป็นเกษตรกรรายแรกใน จ.นครศรีธรรมราช ที่ได้นำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. ภายใต้กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ และได้รับการอนุมัติสินเชื่อในเวลาไม่นาน
“การอนุมัติสินเชื่อให้กับการนำไม้ยืนต้นมาค้ำประกันดังกล่าว เป็นการเปิดประตูให้เกษตรกรและผู้ประกอบการ SME ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ได้เห็นคุณค่าของไม้ยืนต้นที่สามารถนำมาแปรเปลี่ยนเป็นเงิน เพื่อนำไปต่อยอดลงทุนหรือใช้สอยในชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องตัดต้นไม้ และเมื่อเวลาผ่านไป ก็สามารถนำไม้ยืนต้นที่มีการเจริญเติบโตมาขอสินเชื่อเพิ่มเติมได้ตามมูลค่าต้นไม้ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมย์ของกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจที่ต้องการให้เกษตรกรและผู้ประกอบการ SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น โดยใช้ไม้ยืนต้นที่มีอยู่มาเป็นหลักประกันการขอสินเชื่อ”
ทั้งนี้ จนถึงปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 14 ส.ค.2568) มีเกษตรกร และ SME ทั่วประเทศนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจแล้ว 170,026 ต้น (312 สัญญา) วงเงินรวม 186,122,768.04 บาท
นางอรมนกล่าวว่า นอกจากการมอบวงเงินสินเชื่อแล้ว กรมยังได้จัดกิจกรรมให้ความรู้ “ส่งเสริมไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ” แก่เกษตรกรใน อ.ถ้ำพรรณรา จำนวน 100 ราย เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและส่งเสริมให้ปลูกไม้ยืนต้นบนที่ดินของตนเอง โดยได้เชิญกูรูจาก ธ.ก.ส. มาให้ความรู้แก่เกษตรกร ได้แก่ 1.นายพัฒน์พงศ์ เนียมมีศรี ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาลูกค้าและชุมชน ธ.ก.ส.สำนักงานใหญ่ มาให้ความรู้หัวข้อ การสาธิตการประเมินมูลค่าไม้ยืนต้น และ การกักเก็บคาร์บอนของต้นไม้ 2.นายกัมพล หวันสมาน พนักงานพัฒนาลูกค้าและชุมชน ระดับ 9 สำนักงาน ธ.ก.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้ความรู้หัวข้อ โครงการธนาคารต้นไม้ และการขอสินเชื่อโดยใช้ไม้ยืนต้น และยังมีเจ้าหน้าที่กรมร่วมบรรยายชี้แจงรายละเอียด พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 และกฎกระทรวงกำหนดให้ทรัพย์สินอื่นเป็นหลักประกัน พ.ศ.2561 (ไม้ยืนต้น) แก่เกษตรกรด้วย
สำหรับโครงการส่งเสริมไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ถือเป็น 1 ในโครงการเรือธงที่กรมให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น โดยปี 2568 ได้ลงพื้นที่เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจแก่เกษตรกรใน 4 นคร 4 ภูมิภาค ภายใต้ชื่อ “4 นคร ส่งเสริมไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ” ประกอบด้วย ภาคเหนือ จ.นครสวรรค์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.นครพนม ภาคกลาง จ.นครนายก และภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นที่น่ายินดีที่เกษตรกรทั้ง 4 จังหวัด รวมกว่า 800 ราย ได้รับความรู้และเข้าใจถึงความสำคัญของการปลูกไม้ยืนต้น และพร้อมนำมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ยามต้องการเงินลงทุนหรือนำไปใช้สอยในชีวิตประจำวัน และที่สำคัญเกษตรกรพร้อมปลูกไม้ยืนต้นบนที่ดินของตนเองเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นมรดกแก่ลูกหลานและเป็นแหล่งออกซิเจนที่สำคัญของโลก หรือหากต้องการนำมาเป็นหลักประกันในอนาคตก็สามารถนำไม้ยืนต้นมาแปรเป็นเงินทุนได้ทันที
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง