
คณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ (คทป.) เห็นชอบแผนพัฒนาด้านทรัพย์สินทางปัญญา ปี 69-70 ทำงานเชิงรุก ทั้งพัฒนากฎหมาย ป้องปราม ให้บริการภาครัฐ สร้างความตระหนักรู้ประชาชน หวังดันไทยหลุดบัญชี WL ของสหรัฐฯ พร้อมลุย 6 ด้าน ยกระดับขีดความสามารถด้านนวัตกรรมของไทย
นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ (คทป.) ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เมื่อวันที่ 6 ส.ค.2568 ที่ผ่านมา ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบแผนพัฒนาด้านทรัพย์สินทางปัญญา พ.ศ.2569–2570 โดยบูรณาการการทำงานเชิงรุกทั้งในด้านการพัฒนากฎหมาย ด้านการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ด้านการให้บริการภาครัฐ และด้านการมีส่วนร่วมและสร้างความตระหนักรู้ของภาคประชาชน เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ ในการประชุม คทป. ยังได้ร่วมกันกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนนโยบายด้านทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศ ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยมอบหมายกรมทรัพย์สินทางปัญญา เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการการทำงานและติดตามผล และมั่นใจว่า การดำเนินการทั้งหมดนี้ จะเป็นแรงผลักดันให้สหรัฐฯ พิจารณาถอดไทยออกจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List : WL) ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษด้วย
สำหรับนโยบายสำคัญที่จะดำเนินการเร่งด่วน นายพิชัยขอให้ทำการยกระดับขีดความสามารถด้านนวัตกรรมของไทย ภายใต้กรอบดัชนีนวัตกรรมโลก (Global Innovation Index : GII) มีแนวทางขับเคลื่อน 6 ด้าน ได้แก่ 1.การใช้ประโยชน์งานวิจัยและการลงทุนด้านนวัตกรรม 2.การเพิ่มมูลค่านวัตกรรมด้วยความคิดสร้างสรรค์และทรัพย์สินทางปัญญา 3.การพัฒนานวัตกรรมผ่านกลไกทางการเงินและตลาดทุน 4.การส่งเสริมการขยายผลและการใช้ประโยชน์นวัตกรรม 5.การพัฒนาวิสาหกิจฐานนวัตกรรมและกําลังคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ และ 6.การบริหารจัดการข้อมูลนวัตกรรม
โดยในการประชุมครั้งนี้ นายพิชัยยังบอกว่า ทรัพย์สินทางปัญญา เป็นกลไกสำคัญของการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะในมิติด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศ เพราะนานาชาติต่างให้ความสำคัญกับการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา หากไทยมีระบบนิเวศด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์ และใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ย่อมนำมาซึ่งการดึงดูดการค้าการลงทุนจากต่างประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยให้แข่งขันได้ในเวทีโลก
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง