โฆษกกระทรวงพาณิชย์ชี้แจงข่าวรัฐบาลไม่ดูแลลำไย ยัน 2 รัฐมนตรีพาณิชย์ “จตุพร-สุชาติ” เดินหน้ามาตรการช่วยลำไย เพื่อสร้างเสถียรภาพราคาให้กับเกษตรกรอย่างเต็มที่ ล่าสุดตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ เคาะ 8 มาตรการดูแล ตั้งแต่เชื่อมโยงส่งออก กระตุ้นการบริโภค ดึงพันธมิตรเข้ามารับซื้อ ไปจนถึงอบแห้งส่งขายต่างประเทศ และเร่งขยายตลาดส่งออก ทั้งจีน อินโดนีเซีย อินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีมีเสียงวิจารณ์ว่ารัฐบาลไม่ได้เตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์ผลผลิตลำไยที่กำลังออกสู่ตลาด ว่า นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร การแก้ไขปัญหาทั้งระบบ และขจัดปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำอย่างยั่งยืน โดยหลังจากที่ได้ลงพื้นที่ไปพบปะกับภาครัฐ ภาคเอกชน เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะการแก้ไขปัญหาลำไยมาแล้ว ล่าสุดได้มอบหมายนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ภาคเหนือ ได้สั่งการให้จัดตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามสถานการณ์ลำไยอย่างใกล้ชิด และให้กรมการค้าภายจัดทำมาตรการช่วยเหลืออย่างเหมาะสมและทันการณ์
         
โดยมาตรการที่จะดำเนินการช่วยเหลือลำไย มีจำนวน 8 มาตรการ ได้แก่ 1.เชื่อมโยงลำไยส่งออก โดยรวบรวมรับซื้อลำไย (สดช่อ) เพื่อส่งออก 2.จัดกิจกรรมกระตุ้นการบริโภคผลไม้ไทยภายในประเทศ ผ่านแคมเปญ Thai Fruits Festival 2025 3.เชื่อมโยงลำไยผ่านเครือข่ายพันธมิตร เช่น แมคโคร โลตัส บิ๊กซี ท็อปส์ โก-โฮลเซลล์ และเดอะมอลล์ รวมทั้งห้างค้าส่ง–ค้าปลีก ให้รับซื้อจากเกษตรกรโดยตรง 4.สนับสนุนการซื้อผลไม้ Pre-Order และดึงภาคเอกชนร่วมช่วยเหลือในรูปแบบ CSR เพื่อดูดซับผลผลิตต่อเนื่องตลอดฤดูกาล



5.สนับสนุนบรรจุภัณฑ์ โดยให้สถาบันเกษตรกรใช้กล่องบรรจุภัณฑ์ในการกระจายผลผลิตผ่านไปรษณีย์ไทย 6.เชื่อมโยงผู้ประกอบการและสถาบันเกษตรกรให้รับซื้อผลผลิตโดยตรง ด้วยการทำ MOU กับสมาคมผู้ผลิตลำไยอบแห้ง และกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ 7.เชื่อมโยงสินค้าเข้าสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อแจกเป็นของสมนาคุณ และ 8.ขยายช่องทางการจำหน่ายใหม่ ๆ ได้แก่ จำหน่ายน้ำผลไม้สมูทตี้ผ่านตู้เต่าบินกับบริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง จำกัด และจับมือกับ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด แปรรูปทำเป็นเมนูอาหารและเครื่องดื่ม

นอกจากนี้ ยังได้กำหนดมาตรการฉุกเฉินในกรณีจำเป็น ได้แก่ การช่วยค่าบริหารจัดการให้โรงอบรับซื้อผลผลิตเพิ่มเพื่อรวบรวมรับซื้อลำไยรูดร่วง เพื่ออบแห้งส่งออกต่างประเทศ และยังได้ได้สั่งการให้เร่งเปิดตลาดศักยภาพใหม่ ๆ และกระตุ้นผู้นำเข้าในตลาดเป้าหมายหลัก ทั้งจีน อินเดีย อินโดนีเซีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่มการซื้อลำไยไทย และเพิ่มช่องทางออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซควบคู่กันไปด้วย

สำหรับสถานการณ์ลำไยของ 8 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย พะเยา ลำปาง ตาก แพร่ และน่าน มีปริมาณรวม 1,064,242 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีปริมาณ 947,140 ตัน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 1 แสนตัน เนื่องจากสภาพอากาศเย็นยาวนาน เอื้อต่อการติดดอก ทำให้ผลผลิตลำไยปีนี้เพิ่มสูงขึ้น