
“พิชัย”สั่งการคณะทำงานปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ที่มี “ร.ต.จักรา” ลงพื้นที่ตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด หลังมีข้อสงสัยเป็นนอมินี เผยผลตรวจสอบ สำนักงานปิด ไม่มีเจ้าหน้าที่ ติดต่อทางโทรศัพท์ไม่ได้ ทั้งเบอร์พื้นฐาน เบอร์มือถือ เตรียมลุยตรวจสอบบริษัทอื่นอีก 13 บริษัท ที่มีที่ตั้งที่เดียวกัน และมีกรรมการและผู้ถือหุ้นคนเดียวกันต่อไป
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้คณะทำงานปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ที่มี ร.ต.จักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานคณะทำงาน ลงพื้นที่และตรวจสอบเรื่องธุรกิจนอมินี หลังจากเกิดกรณีแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค.2568 ที่ผ่านมา และส่งผลกระทบให้ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างถล่ม ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต และพบว่า บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมเป็นคู่สัญญาในการก่อสร้าง ซึ่งเป็นบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นคนไทย 51% คนจีน 49% และมีข้อสงสัยว่าจะเป็นธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (นอมินี) หรือไม่
ทั้งนี้ ได้รับรายงานว่า วันที่ 31 มี.ค.2568 ร.ต.จักราได้ลงพื้นที่พร้อมหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ณ ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ แล้ว ปรากฏว่า สำนักงานปิดเงียบ ไม่มีเจ้าที่ในสำนักงาน และไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ที่ให้ไว้ตอนจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล ทั้งโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยคณะทำงานฯ จะนัดประชุมหารือทั้งคณะในวันที่ 1 เม.ย.2568 เพื่อเร่งขยายผลติดตามเรื่องนี้โดยเร็วต่อไป
“ได้มอบให้คณะทำงานฯ เร่งดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างเข้มงวด เคร่งครัด และรัดกุม หากเป็นธุรกิจนอมินี ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย และนำผู้กระทำผิดมาลงโทษขั้นสูงสุด คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”นายพิชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 10 ส.ค.2561 ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท วัตถุประสงค์ตอนจดทะเบียน คือ ประกอบกิจการก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย และวัตถุประสงค์ที่มาจากงบการเงินปีล่าสุด 2567 คือ เกี่ยวกับการบริการด้านการทรัพยากรมนุษย์และรับเหมาก่อสร้างอาคาร อาคารพาณิชย์ อาคารที่พักอาศัย สถานที่ทำการ ทางรถไฟ ทางรถสาธารณะ ทางรถไฟฟ้าใต้ดิน กรรมการมีจำนวน 2 ราย คือ 1.นายชวนหลิง จาง และ 2.นายโสภณ มีชัย ขณะที่มีผู้ถือหุ้น แบ่งเป็น จีน 49% และไทย 51%
นอกจากนี้ คณะทำงานฯ จะขยายผลการตรวจสอบนิติบุคคลอื่น ซึ่งมีที่ตั้งเดียวกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด รวมทั้งนิติบุคคลอื่น ซึ่งมีกรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เข้าไปเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นอยู่ด้วยรวมอีก 13 ราย ต่อไปด้วย
สำหรับกรณีดังกล่าว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญและสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว เนื่องจากกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและเศรษฐกิจประเทศ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าการดำเนินงานครั้งนี้จะเป็นมาตรการที่ต่อเนื่องและเข้มข้น หวังให้สามารถจัดการปัญหาดังกล่าวได้อย่างเป็นรูปธรรม และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการและประชาชนในระยะยาว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง