​“พิชัย” เคาะ 7 มาตรการ 25 แผนงาน ดันราคาผลไม้ ตั้งเป้าช่วยขาย 9.5 แสนตัน

img

“พิชัย” เป็นประธานการประชุมมาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2568 ร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชน เคาะ 7 มาตรการ 25 แผนงาน ตั้งเป้าช่วยทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ 9.5 แสนตัน ดันราคาผลไม้ให้สูงขึ้น และช่วยเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมมาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2568 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ว่า ได้เห็นชอบมาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2568 จำนวน 7 มาตรการ 25 แผนงาน ซึ่งเป็นการทำงานล่วงหน้าก่อนที่ผลผลิตจะออกสู่ตลาด และจะทำทันที มีเป้าหมายช่วยระบายผลผลิตผลไม้ 950,000 แสนตัน ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ เพื่อผลักดันให้ผลไม้มีราคาสูงขึ้น และมีเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น  

สำหรับ 7 มาตรการ 25 แผนงาน ประกอบด้วย 1.มาตรการสร้างความเชื่อมั่นผลผลิต มี 4 แผนงาน ได้แก่ 1.เร่งตรวจและรับรองแปลง GAP 120,000 แปลง 2.Set Zero สร้างความเชื่อมั่นผลไม้ไทย 3.ตั้งวอร์รูมผลักดันการส่งออกผลไม้ไทย และ 4.ตั้งชุดเฉพาะกิจเจรจาจีน
         
2.มาตรการส่งเสริมตลาดในประเทศ มี 8 แผนงาน ได้แก่ 1.เชื่อมโยงตลาดล่วงหน้า 150,000 ตัน 2.กระจายออกนอกแหล่งผลิต 90,000 ตัน 3.สนับสนุนค่าบริหารจัดการผลไม้ระหว่างประเทศ 100,000 ตัน 4.จัดรณรงค์บริโภคผลไม้ (Thai Fruits Festival) 346,500 ตัน 5.สนับสนุนบรรจุภัณฑ์เพื่อการค้า Online-Offline 3,500 ตัน 6.โหลดผลไม้ขึ้นเครื่องฟรี 20 กิโลกรัม 100 ตัน 7.จัดกิจกรรม CSR (คนตัวใหญ่ช่วยคนตัวเล็ก) 40,000 ตัน และ 8.ยกระดับสร้างอัตลักษณ์ผลไม้ไทย (GI) 5 สินค้า
         


3.มาตรการส่งเสริมแปรรูปและปรับพื้นที่เกษตรให้เหมาะสม มี 2 แผนงาน ได้แก่ 1.แปรรูปผลไม้ในช่วงกระจุกตัวสูง เช่น ทุเรียน มะม่วง ลำไย 220,000 ตัน และ 2.สนับสนุนการปลูกพืชสวนแทนพืชไร่ เช่น กล้วยหอม มะพร้าวน้ำหอม
         
4.มาตรการส่งเสริมตลาดต่างประเทศ มี 4 แผนงาน ได้แก่ 1.มหกรรมการค้าชายแดน เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 3 ภาค 2.จับคู่ธุรกิจ เป้าหมาย 1,000 ล้านบาท 3.ส่งเสริมการขายในต่างประเทศ เป้าหมาย 254 ล้านบาท และ 4.ร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ เป้าหมาย 9,458 ล้านบาท
         
5.มาตรการยกระดับสินค้าผลไม้ไทย มี 3 แผนงาน ได้แก่ 1.ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่าง ๆ 2.ผลักดันการใช้ประโยชน์จาก FTA เป้าหมาย 50 ล้านบาท และ 3.เจรจาผ่อนคลายมาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
         
6.มาตรการแก้ไขอุปสรรคและอำนวยความสะดวกทางการค้า มี 2 แผนงาน ได้แก่ 1.ผ่อนปรนเคลื่อนย้ายแรงงาน 2.สนับสนุนการคัดแยก-ขนย้าย
         
7.มาตรการกฎหมาย มี 2 แผนงาน ได้แก่ 1.ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ 08.00 น. หรือทันทีที่เปิดรับซื้อ 2.การป้องกันและปราบปราม ภายใต้ 5 กฎหมาย คือ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จะดูเรื่องในเรื่องการกดราคารับซื้อ และไม่ปิดป้ายแสดงราคา พ.ร.บ.ชั่งตวงวัด ดูแลเครื่องชั่ง พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า ป้องกันการฮั้วเอาเปรียบเกษตรกร ประมวลกฎหมายอาญา ดูแลเรื่องการหลอกลวง และพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ที่ดูแลเรื่องการหลอกลวงเช่นเดียวกัน
         


ทั้งนี้ ในปี 2568 ผลผลิตผลไม้สำคัญ 9 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน ลำไย มะม่วง สับปะรด มังคุด ส้มเขียวหวาน เงาะ ลองกอง และลิ้นจี่ คาดว่า จะมีประมาณ 6.736 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 15% โดยทุเรียนเพิ่มขึ้นมากสุด ผลผลิต 1.767 ล้านตัน เพิ่ม 37% ลำไย 1.456 ล้านตัน เพิ่ม 1% มะม่วง 1.306 ล้านตัน เพิ่ม 10% สับปะรด 1.343 ล้านตัน เพิ่ม 17% และมังคุด 2.79 แสนตัน เพิ่ม 2% ทั้งนี้ ในส่วนของลำไย อาจจะต้องมีการประเมินผลผลิตอีกครั้ง คาดว่า จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็น 1.6-1.7 ล้านตัน เพิ่ม 10%
         
โดยผลผลิตผลไม้ทั้งหมด แบ่งเป็นการบริโภคสด 65% และแปรรูป 35% เป็นการส่งออก 74% ในจำนวนนี้เป็นส่งออกแบบสด 62% และแปรรูป 38% และบริโภคในประเทศ 26% ในจำนวนนี้เป็นการบริโภคแบบสด 73% และแปรรูป 27% โดยลำไย ส่งออกมากถึง 91% บริโภคในประเทศเพียง 10% มังคุดส่งออก 82% บริโภคในประเทศ 18% สับปะรด ส่งออก 78% บริโภคในประเทศ 22% ทุเรียน ส่งออก 75% บริโภคในประเทศ 25% ลิ้นจี่ ส่งออก 20% บริโภคในประเทศ 80% มะม่วง ส่งออก 16% บริโภคในประเทศ 84% ลองกอง ส่งออก 15% บริโภคในประเทศ 85% เงาะ ส่งออก 8% บริโภคในประเทศ 92% และส้ม ส่งออก 1% บริโภคในประเทศ 99%

 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง