​“พาณิชย์”จับมือเอกชน เปิดตัวบริการน้องใหม่ “ถอดรหัสอาหารแห่งอนาคต” บนเว็บไซต์คิดค้า

img

สนค.จับมือสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย เปิดตัวบริการน้องใหม่ “ถอดรหัสอาหารแห่งอนาคต” บนเว็บไซต์ คิดค้า.com นำเสนอข้อมูลการค้าอาหารอนาคต 4 กลุ่ม ทั้งปริมาณ มูลค่า การเติบโต และตลาดสำคัญ เพื่อให้ผู้ประกอบการใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการผลิตและการทำตลาด หนุนการส่งออกสินค้าอาหารอนาคตและนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก
         
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ร่วมกับคณะกรรมการอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย ร่วมกันพัฒนาและจัดทำบริการข้อมูลการค้าสินค้าอาหารแห่งอนาคต และเปิดตัวให้บริการบนเว็บไซต์ คิดค้า.com ในรูปแบบ คิดค้า Briefing ย่อยข้อมูลการค้าเชิงลึกรูปแบบการเล่าเรื่อง (Data Storytelling) หัวข้อ “ถอดรหัสอาหารแห่งอนาคต” นำเสนอข้อมูลการค้าสินอาหารอนาคตในภาพรวม และ 4 กลุ่มสินค้าย่อย ได้แก่ 1.อาหารเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและสารประกอบเชิงฟังก์ชัน 2.อาหารทางการแพทย์และอาหารเฉพาะบุคคล 3.โปรตีนทางเลือก และ 4.ผลิตภัณฑ์อินทรีย์และอาหารไม่ปรุงแต่ง โดยเน้นให้ข้อมูลปริมาณและมูลค่าการค้า อัตราการเติบโต และตลาดสำคัญของสินค้าแต่ละกลุ่ม นำเสนอข้อมูลแบบเข้าใจง่ายและใช้งานสะดวก
         
สำหรับข้อมูลภาพรวมการค้าสินค้าอาหารแห่งอนาคตของไทย จากแดชบอร์ดอาหารแห่งอนาคต พบว่า 10 เดือนของปี 2567 (ม.ค.-ต.ค.) การส่งออก มีมูลค่า 3,794.39 ล้านเหรียญสหรัฐ (134,253.90 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 10.1% และคิดเป็นสัดส่วน 9.7% ของการส่งออกสินค้าอาหารทั้งหมดของไทย โดยการส่งออกสินค้ากลุ่มอาหารเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและสารประกอบเชิงฟังก์ชัน มีสัดส่วนถึง 90.8% ของการส่งออกสินค้าอาหารอนาคตทั้งหมดของไทย

ส่วนตลาดส่งออกสินค้าอาหารอนาคตที่สำคัญ 5 อันดับแรกของไทย ได้แก่ สหรัฐฯ สัดส่วน 15.0% จีน 10.7% เวียดนาม 9.9% กัมพูชา 7.5% และเมียนมา 6.8% ตามลำดับ การนำเข้ามูลค่า 1,811.21 ล้านเหรียญสหรัฐ (64,853.49 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 12.1% แหล่งนำเข้าสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ สิงคโปร์ สัดส่วน 39.6% จีน 10.9% สหรัฐฯ 10.1% อินโดนีเซีย 6.0% และญี่ปุ่น 3.7%

หากพิจารณาเป็นรายกลุ่มสินค้าย่อย 4 กลุ่ม พบว่า 1.กลุ่มอาหารเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและสารประกอบเชิงฟังก์ชัน การส่งออกมูลค่า 3,446.06 ล้านเหรียญสหรัฐ (121,930.96 ล้านบาท) เพิ่ม 12.0% โดยมีสินค้าส่งออกที่สำคัญในกลุ่มนี้ อาทิ ซอสและของปรุงแต่งสำหรับทำซอส น้ำดื่มผสมวิตามิน และน้ำผลไม้ เป็นต้น ตลาดส่งออกสำคัญ อาทิ สหรัฐฯ สัดส่วน 15.9% จีน 11.1% และเวียดนาม 10.8% การนำเข้ามูลค่า 1,740.06 ล้านเหรียญสหรัฐ (62,300.90 ล้านบาท) เพิ่ม 12.3% ส่วนใหญ่นำเข้าจากสิงคโปร์ สัดส่วน 40.4% ของการนำเข้าทั้งหมด
         


2.กลุ่มอาหารทางการแพทย์และอาหารเฉพาะบุคคล การส่งออกมูลค่า 164.22 ล้านเหรียญสหรัฐ (5,817.82 ล้านบาท) เพิ่ม 4.0% มากกว่าครึ่งเป็นการส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ มาเลเซีย สัดส่วน 32.7% สปป.ลาว 14.8% เมียนมา 13.5% และกัมพูชา 9.1% การนำเข้ามูลค่า 45.56 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,636.68 ล้านบาท) เพิ่ม 11.1% แหล่งนำเข้าสำคัญ อาทิ สิงคโปร์ สัดส่วน 32.4% นิวซีแลนด์ 12.9% และเยอรมนี 10.1%
         
3.โปรตีนทางเลือก การส่งออกมูลค่า 147.41 ล้านเหรียญสหรัฐ (5,202.36 ล้านบาท) ลด 8.0% ตลาดส่งออกสำคัญ อาทิ เมียนมา สัดส่วน 23.0% กัมพูชา 17.0% จีน 13.1% สปป.ลาว 10.9% และฟิลิปปินส์ 7.1% การนำเข้า มูลค่า 25.48 ล้านเหรียญสหรัฐ (911.72 ล้านบาท) เพิ่ม 1.8% เป็นการนำเข้าจากจีนประมาณครึ่งหนึ่งของการนำเข้าทั้งหมด
         
4.ผลิตภัณฑ์อินทรีย์และอาหารไม่ปรุงแต่ง การส่งออกมูลค่า 36.71 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,302.75 ล้านบาท) ลด 29.9% เกือบครึ่งหนึ่งของการส่งออกเป็นการส่งออกไปยังสหรัฐฯ สัดส่วน 45.8% โดยมีข้าวเจ้าขาวหอมมะลิอินทรีย์ และกะทิสำเร็จรูป เป็นสินค้าสำคัญที่ส่งออกไปสหรัฐฯ การนำเข้ามูลค่า 118,646.04 เหรียญสหรัฐ (4.19 ล้านบาท) ลด 33.9% ส่วนใหญ่นำเข้าจากอินเดียและอินโดนีเซียเป็นหลัก สัดส่วน 59.3% และ 34.6% ตามลำดับ

“การให้บริการข้อมูลการค้าสินค้าอาหารอนาคตผ่าน คิดค้า Briefing หัวข้อถอดรหัสอาหารแห่งอนาคต จะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยกำหนดนโยบายเศรษฐกิจการค้าของประเทศ และเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ ใช้ประกอบการตัดสินใจวางแผนกลยุทธ์การค้า ตามนโยบายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่เน้นการทำงานเชิงรุก และสนับสนุนธุรกิจและสินค้าใหม่ ๆ รวมถึงเป็นการขานรับกับนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกของรัฐบาล และการผลักดันให้ไทยเป็นคลังอาหารเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับความมั่นคงทางอาหารโลก”นายพูนพงษ์กล่าว

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง