​“พาณิชย์”ผนึกหอการค้าไทย-ก.พ.ร. ลดต้นทุนทำธุรกิจ เชื่อมข้อมูลนิติบุคคล 10 หน่วยงานรัฐ

img

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ผนึกกำลังหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ ก.พ.ร. ประกาศความสำเร็จเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลใน 10 หน่วยงานรัฐ จากนี้ไม่เรียกรับเอกสาร ไม่ต้องเซ็นสำเนา ลดการซ้ำซ้อน ลดใช้กระดาษ ลดค่าใช้จ่ายภาคธุรกิจและประชาชน คาดประหยัดได้ปีละ 7 พันล้านบาท

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้ร่วมกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาระบบเทคโนโลยีเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยจากนี้ไป 10 หน่วยงานรัฐที่ได้เชื่อมโยงข้อมูล จะไม่เรียกรับเอกสารนิติบุคคล ไม่ต้องเซ็นสำเนา ซึ่งจะช่วยลดความซ้ำซ้อน ลดการใช้เอกสารกระดาษ ลดค่าใช้จ่ายให้ภาคธุรกิจและประชาชน และสนับสนุนนโยบายการเป็นรัฐบาลดิจิทัล หรือ e-Government ของประเทศให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

สำหรับ 10 หน่วยงานภาครัฐ ที่พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคล ได้แก่ 1.สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา 2.กรมที่ดิน 3.กรมธนารักษ์ 4.สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) 5.กรมโรงงานอุตสาหกรรม 6.กรมสรรพสามิต 7.ธนาคารแห่งประเทศไทย 8.กรมศุลกากร 9.กรมบัญชีกลาง และ 10.กรมสรรพากร
         


นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการอาจต้องเซ็นสำเนาเอกสารจำนวนมาก ตลอดจนการยื่นเรื่องต่าง ๆ ต้องใช้เอกสารหลายอย่าง แต่ปัจจุบันภาครัฐได้พัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลแบบอิเล็กทรอนิกส์ จากการผลักดันและขับเคลื่อนของ ก.พ.ร. และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทำให้เกิดการผนึกกำลัง 10 หน่วยงานรัฐนำร่อง ที่พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลเพื่ออำนวยความสะดวกธุรกิจและประชาชน โดยไม่ต้องเรียกเอกสารและไม่ต้องเซ็นสำเนาอีกต่อไป
         
“การเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลนิติบุคคลของ 10 หน่วยงานรัฐในครั้งนี้ สามารถลดกระบวนงานที่เรียกเอกสารลงได้ถึง 392 กระบวนงาน คิดเป็นต้นทุนที่ลดลงได้เกือบ 800 บาทต่อธุรกรรม เมื่อคำนวณจากธุรกรรมภาพรวมที่มีอยู่ถึง 8.8 ล้านธุรกรรมต่อปี จะสามารถสร้างผลการประหยัดทางเศรษฐศาสตร์ได้ราว 7,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งมิติด้านระยะเวลา การใช้เอกสาร ต้นทุนทางบัญชี และค่าเสียโอกาสในการทำงาน ถือเป็นอีกหนึ่งต้นแบบความสำเร็จในการนำระบบดิจิทัลเข้ามาใช้ในระบบการให้บริการภาครัฐ ซึ่งอาจเทียบเคียงได้กับแนวทางของประเทศเอสโตเนียที่เป็นต้นแบบการนำระบบบริการภาครัฐแบบดิจิทัลมาให้บริการเพื่อช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความคล่องตัวให้กับภาคธุรกิจและประชาชน”นายสนั่นกล่าว

น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ ก.พ.ร. กล่าวว่า ก.พ.ร. ให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ โดยเน้นย้ำความสำคัญการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนาระบบราชการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ประชาชนและภาคธุรกิจ โดยที่ผ่านมา ได้ผลักดันผ่านการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานของรัฐ ผ่านการออกกฎหมายต่าง ๆ ในการดำเนินการ ทั้งการออก พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ.2558 พ.ร.บ.การบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจทัล พ.ศ.2562 และพ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2565

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง