​“พาณิชย์”จับมือเกษตร 3 สมาคมปุ๋ย ลุยเฟส 2 ลดราคา 5.1 ล้านกระสอบ ครอบคลุมทุกพืช

img

กรมการค้าภายในจับมือกรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมส่งเสริมการเกษตร และผู้ผลิต ผู้นำเข้าปุ๋ย 3 สมาคม จัดทำโครงการเชื่อมโยงปุ๋ยราคาถูกให้แก่เกษตรกร เฟสที่ 2 มีปริมาณปุ๋ยเข้าร่วม 5.1 ล้านกระสอบ จำนวน 69 สูตร ครอบคลุมทั้งนาข้าว พืชไร่ พืชสวน และผลไม้ ลดราคา 20-50 บาทต่อกระสอบ เริ่มตั้งแต่ เม.ย.-มิ.ย.67 คาดช่วยลดต้นทุนเกษตรกรได้กว่า 280 ล้านบาท ล่าสุด มีเกษตรกรสั่งซื้อแล้ว 2.35 แสนกระสอบ

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้ดำเนินการตามนโยบายของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ต้องการช่วยเหลือเกษตรกรด้านต้นทุนปัจจัยการผลิต โดยเฉพาะปุ๋ย ซึ่งมีความสำคัญต่อปริมาณและคุณภาพผลผลิต ตลอดจนรายได้ของเกษตรกร จึงได้ร่วมมือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมส่งเสริมการเกษตร และผู้ผลิต ผู้นำเข้าปุ๋ย 3 สมาคม ได้แก่ สมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย และสมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร จัดทำโครงการเชื่อมโยงปุ๋ยราคาถูกให้แก่เกษตรกร เฟสที่ 2 โดยมีปริมาณปุ๋ยเข้าร่วมโครงการ 5.1 ล้านกระสอบ จำนวน 69 สูตร ครอบคลุมการปลูกพืชทุกชนิดทั้งนาข้าว พืชไร่ พืชสวน และไม้ผล ลดราคา 20-50 บาทต่อกระสอบ เริ่มตั้งแต่เดือน เม.ย.-มิ.ย.2567

สำหรับปุ๋ยที่เข้าร่วมโครงการ เช่น ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 ราคาโครงการกระสอบละ 755–810 บาท ลดสูงสุด 35 บาทต่อกระสอบ สูตร 15-15-15 ราคาโครงการกระสอบละ 930–1,000 บาท ลดสูงสุด 50 บาทต่อกระสอบ สูตร 16-20-0 ราคาโครงการกระสอบละ 805–840 บาท ลดสูงสุด 50 บาทต่อกระสอบ เป็นต้น

“ปุ๋ยที่นำมาลดราคาดังกล่าว เป็นการขยายความสุขให้กับพี่น้องเกษตรกร ที่ก่อนหน้านี้ ได้ดำเนินโครงการลดราคาเฟส 1 มาแล้ว จำนวน 3.1 ล้านกระสอบ เริ่มตั้งแต่ ต.ค.2566-มี.ค.2567 และได้ทำต่อเนื่องมาถึงเฟส 2 เพื่อรองรับฤดูกาลเพาะปลูก โดยข้าวนาปีในพื้นที่ภาคกลางจะเริ่มปลูกเดือน พ.ค. เป็นต้นไป ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปลูกมากช่วง มี.ค.-มิ.ย. มันสำปะหลังที่ยังคงมีการปลูกอยู่ในเดือน เม.ย. และพืชอื่น ๆ เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ผลไม้ ที่มีการใช้ปุ๋ยตลอดทั้งปี และคาดหวังว่า จะมีเฟสต่อ ๆ ไป เพื่อรองรับการเพาะปลูกพืชแต่ละชนิดต่อไป”



ทั้งนี้ คาดว่า การดำเนินโครงการดังกล่าว จะสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรได้กว่า 280 ล้านบาท เมื่อรวมกับเฟสแรกก็จะช่วยลดต้นทุนเกษตรกรได้ประมาณ 436 ล้านบาท โดยเกษตรกรที่สนใจ สามารถสั่งซื้อผ่านสถาบันเกษตรกรที่ตนเป็นสมาชิก เช่น สหกรณ์การเกษตร ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน วิสาหกิจชุมชน และแปลงใหญ่ จากนั้นสถาบันเกษตรกรจะเป็นผู้รวบรวมยอดการสั่งซื้อแจ้งไปยังสำนักงานเกษตรจังหวัด สำนักงานเกษตรอำเภอ หรือสำนักงานสหกรณ์จังหวัด ในแต่ละพื้นที่ ส่วนเกษตรกรที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสถาบันเกษตรกรอยู่ในขณะนี้ สามารถรวมกลุ่มกันซื้อ หรือไปซื้อปุ๋ยจากสถาบันเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการได้ โดยล่าสุดมีสถาบันเกษตรกรสั่งซื้อปุ๋ยในโครงการแล้วจำนวน 20 แห่ง รวมปริมาณปุ๋ย 235,710 กระสอบ

นายวัฒนศักย์กล่าวว่า สถานการณ์ราคาปุ๋ยในตลาดโลก ณ ขณะนี้ แม้ว่าความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนจะยังไม่คลี่คลายลง และมีความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อราคาปุ๋ยในตลาดโลกมากนัก  ราคาปุ๋ยจึงยังคงทรงตัวหรือปรับขึ้นลงในช่วงแคบ ๆ ซึ่งจะต้องติดตามใกล้ชิดต่อไป ส่วนราคาจำหน่ายปุ๋ยเคมีในประเทศ พบว่า ได้ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องจากช่วงเดือน พ.ค.2565 ที่เป็นช่วงที่ราคาปุ๋ยปรับสูงขึ้นสูงที่สุด ประมาณ 40-50% และปริมาณสต็อกปุ๋ย ณ สิ้นเดือน มี.ค.2567 อยู่ที่ 1.22 ล้านตัน ขอให้พี่น้องเกษตรกรมั่นใจได้ว่ามีปุ๋ยเพียงพอสำหรับการเพาะปลูก ไม่มีปัญหาการขาดแคลนปุ๋ยอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม หากพบการกักตุนหรือจำหน่ายสินค้าในราคาแพงเกินสมควร จะมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีที่ไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายจะมีโทษสูงสุดปรับไม่เกิน 10,000 บาท หากเกษตรกรไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการค้า สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือทางแอปพลิเคชันไลน์ @MR.DIT

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง