รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนหนุนฟื้นฟูเศรษฐกิจ อัปเกรด FTA ลุยดิจิทัล เข้มคาร์บอน

img

รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนนัดประชุมอย่างไม่เป็นทางการ เคาะประเด็นด้านเศรษฐกิจที่จะผลักดันในปีนี้ เน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยศักยภาพใหม่ ทั้งการอำนวยความสะดวกการทำธุรกิจ การอัปเกรด FTA อาเซียนและอาเซียน-คู่เจรจา การขับเคลื่อนเทคโนโลยีดิจิทัล ทำยุทธศาสตร์ความเป็นกลางทางคาร์บอน พร้อมตั้งเป้าดันการค้าเพิ่มขึ้น 2 เท่าเป็น 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 68
         
นายวันชัย วราวิทย์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เป็นผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน อย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 21-22 มี.ค.2566 ที่ผ่านมา ณ เมืองมาเกอลัง อินโดนีเซีย โดยที่ประชุมได้มีการพิจารณาประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจของอาเซียนที่จะผลักดันในปีนี้ และหารือแนวทางการเพิ่มศักยภาพการเป็นตลาดและฐานการผลิตของอาเซียนให้เข้มแข็ง ซึ่งครั้งนี้ ติมอร์-เลสเต ได้เข้าร่วมการประชุมเป็นครั้งแรกในฐานะสมาชิกสังเกตการณ์ของอาเซียนด้วย
         
สำหรับประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจที่อินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียนผลักดัน ที่ประชุมเห็นด้วยกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยศักยภาพใหม่ ๆ การสร้างสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่อำนวยความสะดวกต่อภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ MSMEs การยกระดับ FTA อาเซียน และอาเซียนกับคู่เจรจา การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการเชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น การพัฒนาระบบนิเวศด้านยานยนต์ไฟฟ้า และการพัฒนาภาคการเงินเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสีเขียวและการเงินที่ยั่งยืน 
         
ทั้งนี้ อาเซียนยังเห็นพ้องจะร่วมมือกันเพิ่มศักยภาพการเป็นตลาดและฐานการผลิตให้เข้มแข็งขึ้น เพื่อให้การค้าในภูมิภาคขยายตัวถึงสองเท่า จากมูลค่า 5.9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2560 เป็น 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2568 โดยที่ประชุมจะผลักดันให้เร่งการเจรจายกระดับความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน (ATIGA) และการจัดทำความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน (DEFA) เพื่อยกระดับมาตรฐานอาเซียนให้ทันสมัย และรองรับประเด็นการค้าใหม่ ๆ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งจะครอบคลุมการค้าไร้กระดาษและการชำระเงินด้วยดิจิทัล เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้า และนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าการค้าภายในอาเซียน รวมทั้งสนับสนุนการเริ่มจัดทำยุทธศาสตร์ความเป็นกลางทางคาร์บอนของอาเซียน เพื่อเสริมศักยภาพทางแข่งขันของอาเซียน และดึงดูดการลงทุนและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มายังภูมิภาคให้มากขึ้น
         


นอกจากนี้ ที่ประชุมได้หารือกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (ASEAN-BAC) โดยชูแนวคิดหลัก “ASEAN Centrality : Innovating Towards Greater Inclusivity” ซึ่งภาคเอกชนเน้นความสำคัญเรื่องการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน ลดอุปสรรคทางการค้า การใช้ประโยชน์จาก FTA ของอาเซียนที่มีอยู่ การใช้ระบบ e-formD อย่างเต็มรูปแบบผ่านระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว และการยกระดับมาตรฐานและประสานกฎระเบียบที่เกี่ยวกับแรงงานฝีมือ

ขณะเดียวกัน ASEAN-BAC ยังเสนอให้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของอาเซียน การพัฒนาอย่างยั่งยืน การบรรลุเป้าหมาย Net Zero การพร้อมรับมือกับปัญหาด้านสาธารณสุขและโรคระบาด และการสร้างความเข้มแข็งเรื่องความมั่นคงทางอาหาร โดย ASEAN-BAC ได้เสนอโครงการที่จะดำเนินการในปีนี้ จำนวน 8 โครงการ เช่น ASEAN QR Code สนับสนุนการชำระเงินด้วยระบบดิจิทัลในอาเซียน ASEAN Net Zero ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน และ ASEAN One Shot Campaign จะช่วยจัดหาวัคซีนและการเข้าถึงเรื่องสาธารณสุข
         
สำหรับการค้าระหว่างไทยกับอาเซียน ในเดือนม.ค.2566 มีมูลค่า 9,365 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 1.1% โดยไทยส่งออกไปอาเซียน มูลค่า 5,044 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากอาเซียน มูลค่า 4,322 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดคู่ค้าสำคัญ คือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง