"พาณิชย์"นำผู้ประกอบการนมและผลิตภัณฑ์นมของไทย 12 ราย ใช้ประโยชน์จาก FTA บุกตลาดต่างประเทศ ประเดิมที่จีน 8-11 ธ.ค.นี้ มั่นใจเปิดตลาดได้แน่ เหตุสินค้าไทยมีความหลากหลาย มีการใส่นวัตกรรมเข้าไป ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตลาดต้องการ ส่วนการลงนามร่วมกับ 5 หน่วยงาน จะร่วมมือกันพัฒนาอุตสาหกรรมตั้งแต่เกษตรกรจนถึงผู้ผลิตให้แข่งขันได้

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือ “จัดทัพโคนมไทยบุกตลาดต่างประเทศด้วยFTA” ระหว่าง 5 หน่วยงาน ได้แก่ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมปศุสัตว์ เมืองนวัตกรรมอาหาร ชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย และศูนย์ให้คำปรึกษาเเละพัฒนาผู้บริหารทางธุรกิจเเห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2561 ว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้เดินหน้าให้ความช่วยเหลืออุตสาหกรรมโคนมของไทยรองรับการเปิดเสรีภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ออสเตรเลีย และไทย-นิวซีแลนด์มาอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการในการปรับตัวของรับการเปิดเสรี มีการพัฒนาสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ และปัจจุบันสามารถพัฒนาสินค้า เพื่อขยายตลาดออกสู่ต่างประเทศได้แล้ว และยังมีการใช้ประโยชน์จาก FTA ที่มีการลดภาษีสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมในการส่งออกไปจีนและอาเซียนได้ด้วย

"วันที่ 8-11 ธ.ค.2561 กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จะนำผู้ประกอบการสินค้านมและผลิตภัณฑ์ของไทย 12 ราย เข้าร่วมงานแสดงสินค้าCafeex 2018 - Cafe Expo Shanghai 2018 ณ นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน โดยมีนัดหมายที่จะพบปะกับผู้นำเข้า และห้างสรรพสินค้าท้องถิ่นของจีน เพื่อเจรจานำเข้านมและผลิตภัณฑ์จากไทย คาดว่า น่าจะเกิดมูลค่าการซื้อขายได้อย่างแน่นอน ถือเป็นการต่อยอดการเจรจาการค้ายุคใหม่ ที่ทำทั้งเจรจาลดภาษีและเจรจาหาโอกาสในการขยายตลาดให้กับสินค้าไทย และยังเป็นการพลิกกลับมาใช้ประโยชน์จาก FTA แทนที่ไทยจะตั้งรับการบุกเจาะของนมและผลิตภัณฑ์จากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จากการเปิดเสรี"

ทั้งนี้ ปัจจุบันสินค้านมและผลิตภัณฑ์ของไทย มีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้น โดยมีสินค้าที่มีนวัตกรรมหลากหลาย เช่น นมที่ไม่มีแลคโตส ซึ่งเป็นนมที่ย่อยง่าย กินแล้วท้องไม่อืด หรือนมสดที่ใส่สารอาหารที่มีในนมแม่เข้าไป ทำให้ได้ประโยชน์เหมือนกินนมแม่ หรือนมแบบไฮ เอนด์ สำหรับตีฟองใส่ในกาแฟ หรือนมอัดเม็ดของไทย ที่ปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะชาวจีน

สำหรับผู้ประกอบการไทย 12 รายที่จะนำไปเปิดตลาดจีน ได้แก่ บริษัท เค พี ไทย จำกัด , บริษัท ชวนพัฒน์ จำกัด , บริษัท เชียงใหม่เฟรชมิลค์ จำกัด , บริษัท ทีดี แดรี่ฟู้ดส์ จำกัด , บริษัท ทีเอสเบทเทอร์ฟู้ดส์ จำกัด , บริษัท แมรี่ แอน แดรี่ โปรดักส์ จำกัด , บริษัท แดรี่โฮม จำกัด , บริษัท บัตเตอร์ฟลาย ออร์แกนิค จำกัด , สหกรณ์การเกษตรสีคิ้ว จำกัด , สหกรณ์โคนมกำแพงแสน จำกัด , สหกรณ์โคนมปากช่อง จำกัด และสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น จำกัด

ส่วนการลงนามความร่วมมือระหว่าง 5 หน่วยงาน จากนี้ไปจะช่วยกันเตรียมความพร้อมเกษตรกรและผู้ประกอบการนมและผลิตภัณฑ์นมของไทย พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้า ต่อยอดผลิตภัณฑ์โดยใช้นวัตกรรม และใช้ประโยชน์จากความตกลงทางการค้า โดยเชื่อมโยงการทำงานตลอดห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมจนถึงผู้ผลิตสินค้านมและผลิตภัณฑ์ เพื่อลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดต่างประเทศ โดยใช้ประโยชน์จากการที่ประเทศคู่ค้า ซึ่งไทยทำเอฟทีเอด้วย ลดภาษีนำเข้านมและผลิตภัณฑ์ให้ไทยแล้ว เช่น จีน และอาเซียน

***ติดตามข่าวสารพาณิชย์แบบฉับไว ส่งตรงถึงมือถือได้ที่ http://line.me/ti/p/%40uld0329i
***ติดตามข่าวสารพาณิชย์ ผ่านทวิตเตอร์ https://twitter.com/CNAOnlineTwit