
“พาณิชย์”เผยร้านค้ารายย่อย ร้านอาหาร หาบเร่ แผงลอย รถเร่ แห่สมัครเข้าร่วมโครงการร้านค้าธงฟ้าประชารัฐแบบใช้โทรศัพท์มือถือรับชำระค่าสินค้าจากผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้วกว่า 15,000 ราย หลังเปิดรับสมัครตั้งแต่ 2 ก.ค. ส่งรายชื่อล็อตแรก 5,000 รายให้กรมบัญชีกลางอนุมัติแล้ว คาดเริ่มซื้อขายได้ตั้งแต่ 10 ก.ค.นี้เป็นต้นไป พร้อมเร่งระดมร้านค้าเข้าร่วมโครงการต่อ ตั้งเป้า 100,000 รายภายใน 2 เดือน มั่นใจเงินหมุนเวียนในบัตรปีละ 48,000 ล้าน กระจายสู่ร้านค้ารายย่อยมากขึ้น
นายวิชัย โภชนกิจ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีร้านค้ารายย่อยได้สมัครเข้าร่วมโครงการร้านค้าธงฟ้าประชารัฐโดยใช้แอปพลิเคชั่น "ถุงเงินประชารัฐ" ผ่านโทรศัพท์มือถือในการรับชำระค่าสินค้าจากผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้วกว่า 15,000 ราย หลังจากที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เปิดตัวโครงการ และเปิดให้ยื่นสมัครตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค.2561 ที่ผ่านมา ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้จัดส่งรายชื่อร้านค้าที่ผ่านคุณสมบัติล็อตแรก 5,000 รายไปให้กรมบัญชีกลางอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการแล้ว และจะทยอยส่งอีกวันละประมาณ 3,000-5,000 ราย จากนั้นเมื่อกรมบัญชีกลางอนุมัติก็จะส่งให้ธนาคารกรุงไทยนำเข้าระบบ และคาดว่าตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.2561 เป็นต้นไป ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการและได้รับการอนุมัติจะสามารถรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อชำระค่าสินค้าได้
ทั้งนี้ ตามเป้าหมายกระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าที่จะรับสมัครร้านค้าเข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 100,000 ราย ภายใน 2 เดือนนี้ โดยเบื้องต้นกำหนดร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการแยกเป็นร้านอาหารที่จำหน่ายอาหารสำเร็จรูป อาหารปรุงสำเร็จประมาณ 20,000 ร้าน , ร้านค้าในตลาดสด เช่น ขายเนื้อหมู ไก่ ปลา ไข่ไก่ 30,000 ร้าน , ร้านค้าในตลาดต้องชม 3,000 ร้าน ร้านค้าในตลาดกลางผักและผลไม้ 2,000 ร้าน และร้านขายผลิตภัณฑ์ชุมชน รถเร่ 2,000 คัน ส่วนที่เหลือจะเป็นร้านค้ารายย่อย ร้านขายของชำ ร้านจำหน่ายสินค้าทั่วไป
“ตอนนี้ร้านค้าที่เป็นพันธมิตรกับกระทรวงพาณิชย์ เช่น ร้านหนูณิชย์ ตลาดต้องชม ตลาดกลางสินค้าเกษตร ได้มีการดึงให้เข้ามาสมัครเข้าร่วมโครงการแล้ว และร้านค้ารายย่อยอื่นๆ ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เดินหน้าประชาสัมพันธ์และอำนวยความสะดวกให้กับร้านค้าที่อยากสมัครเข้าร่วมโครงการอย่างเต็มที่”นายวิชัยกล่าว
นายวิชัยกล่าวว่า ประโยชน์ที่ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับ จะมีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาซื้อของมากขึ้น และมีรายได้เพิ่มขึ้น เพราะในแต่ละเดือนจะมีวงเงินหมุนเวียนที่รัฐบาลใส่เข้าไปในบัตรประมาณเดือนละ 4,000 ล้านบาท หรือ 48,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเม็ดเงินตรงนี้ จะกระจายเข้าสู่ร้านค้ารายย่อยที่เข้าร่วมโครงการมากขึ้น ส่วนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะมีทางเลือกในการจับจ่ายใช้สอยในการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น ทั้งการซื้อสินค้าจากร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่ติดตั้งเครื่องรูดบัตร EDC และร้านค้ารายย่อยที่รับชำระเงินผ่านแอปพลิเคชั่นทางมือถือ ซึ่งจะกระจายตัวอย่างทั่วถึงทุกชุมชน และที่สำคัญยังเป็นการช่วยเหลือผู้ผลิตสินค้าชุมชนในท้องถิ่นให้สามารถจำหน่ายสินค้าผ่านร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่ได้เปิดรับสมัครใหม่ได้มากขึ้นด้วย
สำหรับร้านค้ารายย่อยที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ สามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.moc.go.th และเมื่อยื่นใบสมัครแล้ว เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความถูกต้อง และส่งต่อให้กรมบัญชีกลางอนุมัติ จากนั้นธนาคารกรุงไทยจะแจ้งมายังร้านค้าผ่านข้อความสั้น (SMS) ตามเบอร์มือถือที่ให้ไว้ และให้ไปติดต่อธนาคารกรุงไทย เพื่อขอเปิดใช้บริการ Net Bank ติดตั้งโปรแกรม “ถุงเงินประชารัฐ” และเปิดรหัสการใช้งาน ก็สามารถเปิดจำหน่ายสินค้าโดยรับชำระเงินจากผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้เลย ส่วนเงินค่าสินค้า กรมบัญชีกลางและธนาคารกรุงไทยจะโอนเข้าบัญชีในวันทำการถัดไปหลังการจำหน่ายสินค้า
ส่วนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ประสงค์จะซื้อสินค้าในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่รับชำระเงินแบบใช้โทรศัพท์มือถือ อย่างแรกให้ไปเปลี่ยนรหัสของบัตรเป็นรหัส 6 หลักที่ตู้ ATM ธนาคารกรุงไทยก่อน เมื่อมาซื้อสินค้า ก็ให้ยื่นบัตรกับร้านค้าๆ จะสแกนบัตร และใส่จำนวนเงินที่ซื้อสินค้า จากนั้นให้เจ้าของบัตรกดรหัส 6 หลักยืนยันการชำระค่าสินค้า ก็เป็นอันจบการซื้อขาย
***ติดตามข่าวสารพาณิชย์แบบฉับไว ส่งตรงถึงมือถือได้ที่ http://line.me/ti/p/%40uld0329i
***ติดตามข่าวสารพาณิชย์ ผ่านทวิตเตอร์ https://twitter.com/CNAOnlineTwit
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง