จบไปแล้วสำหรับการประชุมร่วมระหว่าง “เอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ ผู้ช่วยทูตฝ่ายพาณิชย์ และฝ่ายส่งเสริมการลงทุน” ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ตามดำริของ “นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” ที่ต้องการบูรณาการการทำงานร่วมกัน และต้องการให้มีแผน “การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก” ที่จะนำไปใช้ในการขับเคลื่อน “การค้า-การลงทุน” เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศ
ในการประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ “คนทำงาน” ปรับเปลี่ยน “กระบวนทัศน์” และ “กรอบทำงาน” ขับเคลื่อนนโยบายต่างประเทศสู่ยุคใหม่ เป็น “การต่างประเทศที่คนไทยจับต้องได้” เป็นการต่างประเทศที่กินได้ สร้างความกินดีอยู่ดี โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง ภายใต้การดำเนินงานของ “ทีมไทยแลนด์”
จากนั้นได้มอบหมายให้ไปร่วมกัน “จัดทำแผนงาน” ว่าจะขับเคลื่อน “การค้า-การลงทุน” ของไทยอย่างไร วิธีการไหน เป้าประสงค์คืออะไร และให้เปลี่ยน “แนวคิด” จาก “ทำไมถึงทำไม่ได้” เป็น “ทำยังไงถึงจะทำได้” และ “ทำยังไงถึงจะสำเร็จ”
ทั้งนี้ เมื่อได้รับ “การบ้าน” กระทรวงพาณิชย์ในฐานะทีมที่ดูแลด้าน “การค้า” ของประเทศ ได้ทำการ “ระดมสมอง” ระหว่างทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก 58 แห่ง และสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศอีก 4 แห่ง ร่างแผน “การทำงาน” ในทันที
ได้ “ข้อสรุป” จะโฟกัส 10 ประเทศหลัก ที่จะเร่งขยาย “การค้า” และ “การลงทุน” ประกอบด้วย 1.สหรัฐฯ 2.จีน 3.ญี่ปุ่น 4.เยอรมนี 5.ฝรั่งเศส 6.อินเดีย 7.สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) 8.เกาหลีใต้ 9.ซาอุดีอาระเบีย และ 10.แอฟริกาใต้ และได้นำหารือร่วมกับเอกอัครราชทูต ผู้แทนด้านการลงทุน ต่างเห็นตรงกันว่านี่แหละคือ “เป้าหมายที่จะลุย”
ต่อมา “นางพิมพ์ชนก พิตต์ฟีลด์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก และองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก” ได้นำเสนอ “แนวทางการขับเคลื่อน” ต่อนายกรัฐมนตรี มีทั้งสิ้น 5 แนวทาง ได้แก่ 1.ขยายโอกาสทางการค้า ทั้งกระจายตลาด หาหุ้นส่วนเศรษฐกิจและแหล่งวัตถุดิบ 2.ผลักดันการใช้ FTA เดิม และเพิ่มการเจรจา FTA ใหม่กับประเทศเป้าหมาย 3.ผลักดัน Soft Power ทั้งอาหาร ศิลปะ วัฒนธรรม ภาพยนตร์ ซีรีส์ และใช้ Influencer ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์สินค้าและบริการไทย 4.เพิ่มประสิทธิภาพการค้าด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อสู้กับความท้าทายและกติกาใหม่ของโลก เช่น เศรษฐกิจสีเขียว และเศรษฐกิจดิจิทัล และ 5.ส่งเสริมช่องทางการค้าผ่านแพลตฟอร์มและดิจิทัลช่วยผู้ประกอบการไทย
โดยกลไกการทำงาน ประกอบด้วยแผน 7C ได้แก่ 1.Common Goal สร้างความร่วมมือกันของทีมไทยแลนด์ 2.Customer-centric ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นสำคัญ 3.Co-creation ทำเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สร้างนวัตกรรมทั้งในประเทศและนอกประเทศ 4.Cooperation สร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนและทุกภาคส่วน 5.Connectivity เชื่อมโยงทุกส่วนทั้งในประเทศ นอกประเทศและระหว่างประเทศ 6.Care การค้ากับประเทศต่าง ๆ ใช้ความเป็นไทย เน้น Soft Power และ 7.Can Do ทีมไทยแลนด์ทุกคนต้องมีความคิดว่าต้องทำได้
ทันทีที่เสนอ “เป้าหมาย-แนวทาง-วิธีการทำงาน” จบ นายกรัฐมนตรีได้ชื่นชมแนวทาง 7C หรือ 7 มาตรการของกระทรวงพาณิชย์ และทีมไทยแลนด์ ที่จะช่วยให้คนไทยที่ออกไปค้าขายมีเกียรติมีศักดิ์ศรี พร้อมขอบคุณที่ช่วยกันผลักดัน และอยากฝากอนาคตประเทศไว้ในมือของทุกคน
หลังจากมีแผนการทำงานแล้ว หลายคงมี “คำถาม” แล้วจะเดินต่อกันยังไง
“คำตอบ” ก็คือ จากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม ก็ต้องไป “ทำงาน” เพื่อเดินไปสู่เป้าหมายต่อไป
ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ “นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ” อธิบายแนวทางการทำงาน ว่า จะมุ่งขับเคลื่อนการค้าใน 10 ตลาดเป้าหมาย โดยในปี 2567 ได้กำหนดกิจกรรมที่จะดำเนินการไว้รวมทั้งสิ้น 417 กิจกรรม
ยกตัวอย่าง “สหรัฐฯ” จะส่งเสริมความร่วมมือกันให้มากขึ้นผ่านการเจรจาภายใต้กรอบความตกลงด้านการค้าและการลงทุนไทย-สหรัฐฯ (TIFA) บุกตลาดเมืองรอง เจาะตลาดสินค้า BCG ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขยายความร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ Amazon เป็นต้น
“จีน” จะเจาะลึกเป็นรายมณฑล ส่งเสริมอาหารไทย ผลไม้ไทย และจะผลักดันการทำ MOU ร่วมมือการค้า การลงทุนกับอีกหลายมณฑล เช่น เจ้อเจียง กว่างซีจ้วง เซี่ยเหมิน ซานซี เฮยหลงเจียง และเหอเป่ย
“ซาอุดิอาระเบีย” จะผลักดันการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-กลุ่มประเทศในอ่าวอาหรับ (GCC) ซึ่งมีซาอุดิอาระเบียเป็นสมาชิก เชื่อมโยงโอกาสการค้าของไทยเข้ากับวิสัยทัศน์ 2030 ของซาอุดิอาระเบีย โดยเน้นสินค้าวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจบริกร รวมถึงแรงงานไทย และมีแนวคิดจะเปิดสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ที่เมืองริยาด จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้วในเมืองเจดดาห์ เพื่อรองรับการบุกเจาะตลาด
“แอฟริกาใต้” จะเร่งกระชับความสัมพันธ์ในระดับรัฐต่อรัฐ และกำลังเสนอทำบันทึกความเข้าใจกับเมืองโจฮันเนสเบิร์ก ซึ่งเป็นเมืองการค้า เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าระหว่างกัน ตามข้อเสนอของภาคเอกชน
ส่วน “ตลาดอื่น ๆ” นอกเหนือจาก 10 ตลาด ก็ไม่ได้ “ทอดทิ้ง” มีแผนที่จะ “บุกเจาะตลาด” อย่างต่อเนื่อง และทำ “เข้มข้น” เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นตะวันออกกลาง เอเชียงกลาง กลุ่มประเทศ CIS กลุ่มประเทศนอร์ดิก และอื่น ๆ
เห็นแผนงานคร่าว ๆ แบบนี้แล้ว ต้องขอ “ชื่นชม” กระทรวงพาณิชย์ ประชุมเสร็จปุ๊บ มีแผนทำงานปั๊บ และทุกอย่าง “พร้อมลุย” ได้ทันที
“เสือปืนไว” จริง ๆ
ซีเอ็นเอ
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง