ช่วงนี้ “กระทรวงพาณิชย์” โดนขย่ม “เรื่องข้าว” อย่างหนัก โดยเฉพาะ “ฝ่ายการเมือง” ที่ออกมาจัดเต็มตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา 
         
เริ่มจาก “ข้าวกิโลกรัมละ 5 บาท ถูกกว่ามาม่า 1 ซอง”
         
ตามต่อด้วยการเมืองในสภาผู้แทนราษฎร โปรยข้าว หว่านปุ๋ย เรียกร้องให้ “นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” ออกมาตอบกระทู้ทำไม “ข้าวราคาตก”     
         
เจอนายจุรินทร์ สวนกลับแบบนิ่ม ๆ “ผมติดประชุม ครม. อยู่” แล้วมีวาระสำคัญ คือ “เรื่องข้าว” ที่ต้องผลักดันอยู่ในวาระประชุมด้วย ยังไปตอบไม่ได้ เดี๋ยวใครจะดูแลผลประโยชน์ให้เกษตรกร
         
เพราะฉะนั้น “ขอให้ตั้งกระทู้ใหม่” จะไปตอบแน่ ไม่เคยกลัวสภาฯ
         
แต่ปัญหาเรื่องข้าว ก็ยังไม่จบ จนกระทรวงพาณิชย์ ต้องออกมาชี้แจงอีก เพราะไม่ต้องการให้เกิดความเข้าใจผิดในเรื่องที่มีความ “คลาดเคลื่อน” หรือเรื่องที่ “ไม่เป็นจริง”
         
คราวนี้ “นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” ออกมาเอง  
         
ไล่ตอบคำถาม ที่มีข้อสงสัยแบบชัด ๆ ตรงประเด็น  
         
เริ่มจากกรณี “น้ำท่วม” เกษตรกรจะได้รับการชดเชยหรือไม่ ตอบให้เกษตรกรเบาใจ ขอให้ไปลงทะเบียนที่เกษตรตำบล จ่ายชดใช้ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ไร่ ข้าวได้ไร่ละ 1,340 บาท พืชไร่และผัก ได้ไร่ละ 1,980 บาท ไม้ผลยืนต้น ได้ไร่ละ 4,048 บาท โดยเป็นเรื่องที่ “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” กำลังดำเนินการอยู่
         
ประกันรายได้ข้าว “จ่ายงวดแรก” เมื่อไร
         
ตอบว่า เกษตรกร ได้เงินแน่วันที่ 9 พ.ย.2564 นี้ ธ.ก.ส. จะโอนส่วนต่างเข้าบัญชีโดยตรง “รอเช็กเงินในบัญชี” ได้เลย
         


ส่วนงวด 2 , 3 และ 4 ประชุมพิจารณาส่วนต่างเมื่อวันที่ 5 พ.ย.2564 เป็นวันศุกร์ นับไป 3 วันทำการ ก็ตกวันที่ 10 พ.ย.2564 ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เงินเข้าบัญชีแน่นอน  

อย่างงวดแรก เกษตรกรจะได้รับเงินส่วนต่างสูงสุด ซึ่งเห็นแล้วดีใจแทน

ข้าวเปลือกหอมมะลิ 57,900.78 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 57,524 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 26,303.25 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 58,038.6 บาท และข้าวเปลือกเหนียว 69,399.52 บาท
         
ทางด้านการดึงราคาข้าว มีมาตรการคู่ขนาน “เก็บข้าวในยุ้งฉาง” ได้ค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท สหกรณ์และโรงสี ได้ชดเชยดอกเบี้ย 3% เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ผู้ค้าข้าว ได้ชดเชยดอกเบี้ยเก็บสต็อก 3%
         
ทิศทางการส่งออก นางมัลลิกา บอกข้อมูลที่กระทรวงพาณิชย์มีอยู่ว่า จากนี้ไปจะ “ดีขึ้น” เพราะมีความต้องการซื้อข้าวไทยเพิ่มขึ้น เงินบาทอ่อนค่า ทำให้แข่งขันได้ดีขึ้น การส่งออกข้าวในช่วงที่เหลือ 2 เดือนของปีนี้ จะเติบโตแรง ทั้งปีไม่ต่ำกว่า 6 ล้านตันแน่นอน
         
การช่วยลด “ต้นทุนการผลิต” ที่อยู่ในมาตรการเสริม จ่ายให้เกษตรกรไร่ละ 1,000 บาท กำลังจะออกมา นบข. อนุมัติแล้ว ครม. เคาะแล้ว
         
การช่วยดึงราคาข้าวเปลือกในตลาด ตอนนี้ “กรมการค้าภายใน” เปิดจุดรับซื้อ “ข้าวเหนียว” 13 จุดใน 7 จังหวัดภาคเหนือ เปิด “ตลาดนัดข้าวเปลือก” 30 จุดใน 19 จังหวัด
         
ส่วนประเด็นไฮไลต์ “ทำไมข้าวราคาถูก” นางมัลลิกา อธิบายว่า เพราะน้ำท่วม ฝนตกหนัก ตอนเก็บเกี่ยวข้าวมีความชื้น 30-40% ไม่มีที่เก็บ ไม่มีที่ตาก เกษตรกรจึงต้องขายตามสภาพ ความชื้นสูง ราคาก็ถูกหัก เพราะปกติเวลาขายข้าว ความชื้นต้องไม่เกิน 15% ถึงจะได้ราคา
         


แล้วทำไมข้าวกิโลกรัมละ 5 บาท ถูกกว่ามาม่าอีก เป็นการจุดประเด็น “ดรามา” จากพรรคเพื่อไทย
         
ข้าวราคาถูก ก็อย่างที่บอก ข้าวเปียก ความชื้นสูง ราคาก็ถูกกว่าข้าวแห้งที่มีความชื้นไม่เกิน 15% เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว
         
และถึงแม้ ราคาข้าวเปลือก 15% ในตลาด จะราคาตก แต่เกษตรกรก็ “ไม่เสียประโยชน์” เพราะยังได้รับเงินส่วนต่างจาก “โครงการประกันรายได้”
         
ที่สำคัญ เงินทุกบาททุกสตางค์จ่ายเข้า “กระเป๋า” เกษตรกรโดยตรง ไม่มี “ทุจริต” แม้แต่สตางค์แดงเดียวเหมือน “โครงการจำนำข้าว”
         
กรณีคำถามทำอย่างไรให้ราคา “ข้าวแพง” ตอนนี้กระทรวงพาณิชย์กำลัง “เร่งรัด” ผลักดันการส่งออก หากความต้องการซื้อข้าวเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้มีแรงซื้อข้าวในประเทศเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
         
นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมพัฒนา “พันธุ์ข้าวไทย” ให้ตรงตามที่ตลาดต้องการ ตอนนี้จัดประกวดไปแล้ว ตั้งเป้าไว้ว่าจะผลักดันให้มีพันธุ์ข้าวใหม่ ๆ ไม่น้อยกว่า 12 สายพันธุ์  
         
นางมัลลิกา ย้ำว่า ผลจากมาตรการที่นายจุรินทร์ “เร่งรัด” และ “ผลักดัน” ทั้งการช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้โรงสี ผู้ค้าข้าว การเปิดจุดรับซื้อข้าว การผลักดันส่งออก จะเป็น “แรงหนุน” ให้ราคาข้าวเปลือกปรับตัวสูงขึ้น
         
ก่อนปิดท้าย “ถาม-ตอบ” กระทรวงพาณิชย์โดยนายจุรินทร์ จะทำทุกวิถีทาง เพื่อผลักดันราคาข้าว และดูแลเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
         
เธอบอก “เป็นคำมั่น” ที่นายจุรินทร์ “ตั้งใจทำ”

และจะทำแบบ “ทำได้ไว ทำได้จริง” 

ส่วนเรา ๆ ท่าน ๆ ก็ต้องมา “ติดตาม” ว่า ทำได้ตามที่ว่ามั้ย
 
ซีเอ็นเอ