“พาณิชย์” โปรโมตกระเช้า GI ไทย ส่งสุขปีใหม่ สุขใจชุมชน ขอช่วยกันซื้อเป็นของขวัญ

img

“ศุภจี”โปรโมตกระเช้า GI ให้กับนายกรัฐมนตรี และ ครม. หลังกรมทรัพย์สินทางปัญญาจับมือกับห้างและภาคเอกชน ส่งเสริมการตลาดสินค้า GI ผ่านแคมเปญ “GI ไทย ส่งสุขปีใหม่ สุขใจชุมชน” นำสินค้า GI ชื่อดังจากทั่วประเทศ มาจัดกระเช้ามอบเป็นของขวัญปีใหม่ เพื่อช่วยเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน และเพิ่มทางเลือกในการซื้อของขวัญปีใหม่มอบให้แก่กันและกัน
         
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยคณะกรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้นำกระเช้า GI ส่งสุขปีใหม่ มาจัดแสดงให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบ และได้แนะนำแคมเปญ “GI ไทย ส่งสุขปีใหม่ สุขใจชุมชน” ซึ่งเป็นการผนึกกำลังกับห้างและภาคเอกชน ร่วมส่งเสริมการตลาดสินค้า GI ผ่านกระเช้าของขวัญปีใหม่ที่บรรจุสินค้า GI นานาชนิด เพื่อเผยแพร่อัตลักษณ์ คุณค่า และศักยภาพสินค้า GI ไทยว่ามีคุณภาพไม่แพ้สินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยยกระดับสินค้าชุมชนและต่อยอดสร้างมูลค่าเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม
         
“ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้ส่งเสริมการบริโภคสินค้าท้องถิ่นอย่าง GI โดยมีการผนึกกำลังกับภาคเอกชนหลายแห่งนำสินค้า GI ไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ เช่น จัดกระเช้าของขวัญ ชุดของที่ระลึกระดับพรีเมียม เป็นต้น ซึ่งผู้ที่กำลังมองหาของขวัญแทนความปรารถดี เพื่อมอบให้กับคนที่รักและห่วงใยในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ เชื่อว่า “กระเช้า GI ส่งสุขปีใหม่” คือ ของขวัญที่ตอบโจทย์ผู้ให้และถูกใจผู้รับได้อย่างแท้จริง”นางศุภจีกล่าว
         
นางศุภจีกล่าวว่า การส่งเสริมสินค้า GI เป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญตามนโยบาย Quick Big Win ของกระทรวงพาณิชย์ โดยให้ความสำคัญกับการเสริมแกร่งผู้ประกอบการ SME ด้วยการเพิ่มรายได้จากผลผลิต GI ซึ่งเป็นของดีประจำถิ่น ที่มีอัตลักษณ์ และมีเอกลักษณ์พิเศษตามสภาพดิน น้ำ อากาศ หรือภูมิปัญญาในพื้นที่ ส่งผลให้สินค้า GI สามารถเพิ่มมูลค่าได้มากกว่าสินค้าทั่วไป 2-5 เท่า



ยกตัวอย่าง เช่น กาแฟเทพเสด็จ (เชียงใหม่) ราคาขายก่อนเป็น GI อยู่ที่กิโลกรัมละ 400 บาท แต่เมื่อได้เป็น GI ราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 800 บาท ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ (มหาสารคาม ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ และสุรินทร์) ราคาขายก่อนเป็น GI อยู่ที่กิโลกรัมละ 33 บาท แต่เมื่อได้เป็น GI ราคากิโลกรัมละ 55 บาท เป็นต้น โดยปัจจุบันกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ประกาศขึ้นทะเบียนสินค้า GI ไทยแล้วทั้งสิ้น 244 รายการ ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นจากทั่วประเทศ มีทั้งกลุ่มอาหาร ผลไม้ เครื่องดื่ม และงานศิลปหัตถกรรมพื้นถิ่น โดยสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 114,331 ล้านบาท
         
นอกจากนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาต่อยอดสินค้า GI ไทยอย่างครบวงจร โดยหลังจากขึ้นทะเบียน GI แล้ว จะมีการจัดทำระบบควบคุมคุณภาพสินค้า เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค พร้อมยกระดับภาพลักษณ์และขยายช่องทางการค้าสู่ตลาดใหม่ ๆ เพื่อสร้างรายได้เข้าสู่ชุมชนอย่างยั่งยืน
         
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กิจกรรม “GI ไทย ส่งสุขปีใหม่ สุขใจชุมชน” ในปีนี้ ได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายโมเดิร์นเทรดและร้านค้าปลีก-ค้าส่งชั้นนำ รวม 8 ราย ได้แก่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ (โครงการพัฒนาดอยตุง) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด และบริษัท สยามทาคาชิมายะ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมสนับสนุนการจัดจำหน่าย “กระเช้า GI ส่งสุขปีใหม่” ในพื้นที่ศูนย์การค้าและห้างร้านต่าง ๆ โดยทุกหน่วยงานได้ร่วมออกแบบและคัดสรรสินค้า GI จากชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราว คุณภาพ และอัตลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการมอบของขวัญปีใหม่ให้กับผู้บริโภคและช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการ GI ไปในคราวเดียวกัน
         
สำหรับสินค้า GI ที่นำมาร่วมในแคมเปญนี้ ล้วนเป็นผลิตผลที่ได้รับการรับรองตามระบบสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของไทย ซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพ อัตลักษณ์ และความเชื่อมโยงกับแหล่งผลิตเฉพาะถิ่น อีกทั้งยังสะท้อนภูมิปัญญาและวัฒนธรรมการผลิตของชุมชนนั้น ๆ อาทิ ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ (ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร สุรินทร์ และศรีสะเกษ) ข้าวเหนียวเขาวงกาฬสินธุ์ พริกไทยจันท์ (จันทบุรี) ถั่วลายเสือแม่ฮ่องสอน สับปะรดภูแลเชียงราย ลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูน ชาเชียงราย น้ำหมากเม่าสกลนคร กาแฟเทพเสด็จ (เชียงใหม่) ส้มสายน้ำผึ้งฝาง (เชียงใหม่) มะพร้าวน้ำหอมบ้านแพ้ว (สมุทรสาคร) ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง (นครศรีธรรมราช) สับปะรดบ้านคา (ราชบุรี) สับปะรดภูเก็ต สับปะรดนางแล(เชียงราย) กล้วยหอมทองพบพระ (ตาก) กาแฟดอยตุง (เชียงราย) เป็นต้น

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง