“ศุภจี”เป็นประธานประชุมหารือร่วมภาครัฐและเอกชน 11 หน่วยงาน ติดตามความคืบหน้าและกำหนดกรอบจัดการแก้ไขปัญหาสินค้า 3 กลุ่ม สินค้าราคาถูกและด้อยคุณภาพ ที่นำเข้ามาขาย สินค้าทุ่มตลาด และสินค้าที่นำเข้ามาสวมสิทธิ์ ก่อนนำเสนอคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมายพิจารณา วันที่ 9 ธ.ค.นี้
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภายใต้แนวคิด “รวมพลัง เสริมแกร่ง สู่ความยั่งยืน : Synergy for Sustainability” ว่า ขณะนี้มีปัญหาที่ไทยต้องเร่งจัดการร่วมกันมี 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.สินค้าราคาถูก ด้อยคุณภาพ และผิดกฎหมาย โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่เสี่ยงต่อมาตรฐานและความปลอดภัยของประชาชน 2.การนำเข้าสินค้าที่แข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม สร้างความเสียหายต่อผู้ผลิตในประเทศ โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรม และ 3.การสวมสิทธิถิ่นกำเนิดสินค้า (Transshipment) ที่กระทบต่อขีดความสามารถและสิทธิประโยชน์ของผู้ประกอบการไทย
ทั้งนี้ ได้มีการรับฟังปัญหาและมาตรการดำเนินการที่ผ่านมา พบว่า มีความคืบหน้าที่ชัดเจน ทั้งการคัดกรองสินค้านำเข้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การป้องกันสินค้าด้อยคุณภาพทะลักเข้าประเทศ และการพัฒนาระบบตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อสกัดการสวมสิทธิ์ และยังมีการยกระดับมาตรฐานการควบคุมสินค้าในทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อให้ประชาชนได้รับสินค้าที่ดี มีคุณภาพ และปลอดภัย โดยสินค้านำเข้าต้องอยู่ในมาตรฐานเดียวกับผู้ผลิตไทย ซึ่งในรายละเอียดแผนงาน หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจะรับไปจัดทำรายละเอียดและนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ครั้งที่ 1/2568 ที่มีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน ในวันที่ 9 ธ.ค.2568 ต่อไป

นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีความเข้าใจผิดในหลายประเด็นเกี่ยวกับสินค้าด้อยคุณภาพ สินค้าทุ่มตลาด และเรื่องการสวมสิทธิ์กฎถิ่นกำเนิดสินค้า กรมจึงได้เชิญประชุมภาคเอกชน เพื่อทำความเข้าใจให้เกิดความชัดเจนว่าเป็นคนละเรื่อง โดยสินค้าราคาถูก สินค้าไม่ได้มาตรฐานที่เข้ามาขายออนไลน์ ก็ต้องมีวิธีบริหารจัดการไม่ให้กระทบกับผู้ผลิตและผู้บริโภค สินค้าทุ่มตลาด เป็นสินค้าที่ขายในประเทศผู้ผลิตราคาหนึ่ง แต่เอาเข้ามาขายในไทยราคาต่ำกว่า จึงต้องใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดจัดการ และเรื่องสวมสิทธิ์ถิ่นกำเนิด เป็นเรื่องที่เอาสินค้าจากประเทศอื่นมาสวมสิทธิ์เป็นสินค้าไทยแล้วส่งออก ซึ่งกรมกำลังแก้ไขปัญหาอยู่ เพราะเรื่องนี้สหรัฐฯ ให้ความสำคัญ
สำหรับการประชุมครั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศ ได้เชิญผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ จำนวน 6 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และธนาคารเพื่อการส่งออกและการนำเข้าแห่งประเทศไทย และภาคเอกชนจำนวน 5 หน่วยงาน ได้แก่ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เข้าร่วมประชุม

ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง

