​ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง พ.ค.68 เพิ่ม 0.3% จากการใช้ในโครงการก่อสร้างรัฐ ซ่อมอาคาร-ที่อยู่

img

สนค.เผยดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง เดือน พ.ค.68 เพิ่ม 0.3% ขยายตัวต่อเนื่อง 12 เดือนติด จากความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างในโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ และปรับปรุงซ่อมแซมอาคารและที่อยู่อาศัย คาด มิ.ย. มีแนวโน้มลดลง จากความเข้มงวดอนุมัติสินเชื่อ ราคาพลังงานลด ความไม่แน่นอนภาษีสหรัฐฯ ทำสินค้าทะลักเข้าไทย และวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในจีน แต่ไม่มีการลดกำลังการผลิตเหล็ก ส่งผลอุปทานเหล็กในตลาดโลก
         
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือน พ.ค.2568 เท่ากับ 113.3 เพิ่มขึ้น 0.3% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 โดยมีสาเหตุมาจากความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างในโครงการก่อสร้างภาครัฐเพิ่มมากขึ้น สินค้าบางรายการมีต้นทุนการผลิตปรับเพิ่มสูงขึ้น และการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารและที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น

สำหรับรายละเอียดดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น มาจากหมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เพิ่ม 0.9% จากการสูงขึ้นของไม้พื้น ไม้แบบ วงกบประตู และวงกบหน้าต่าง จากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น รวมทั้งมีความต้องการใช้ในงานตกแต่งภายในขยายตัวเพิ่มขึ้น หมวดซีเมนต์ เพิ่ม 4.7% จากการสูงขึ้นของปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ปูนซีเมนต์ผสม และปูนฉาบสำเร็จรูป จากการปรับราคาของผู้ผลิต เนื่องจากมีความต้องการใช้ในโครงการก่อสร้างภาครัฐและการซ่อมแซมอาคารที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต เพิ่ม 0.8% จากการสูงขึ้นของเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็ก เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง และคอนกรีตผสมเสร็จ จากราคาวัตถุดิบสูงขึ้น (ปูนซีเมนต์ ทราย)

หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา เพิ่ม 1.6% จากการสูงขึ้นของสายส่งกำลังไฟฟ้า NYY สายไฟฟ้า VCT ท่อ PE และท่อระบายน้ำเสีย PVC เนื่องจากมีความต้องการใช้ในโครงการก่อสร้างด้านสาธารณูปโภคของภาครัฐที่เพิ่มขึ้น หมวดวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ เพิ่ม 4.1% จากการสูงขึ้นของยางมะตอย และวัสดุธรรมชาติ (หินคลุก ดิน ทรายหยาบ) เนื่องจากมีความต้องการใช้ในโครงการก่อสร้างและการซ่อมแซมด้านคมนาคมของภาครัฐเพิ่มขึ้น      
         


ส่วนหมวดสินค้าสำคัญที่ดัชนีราคาลดลง ได้แก่ หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ลด 3.6% จากการลดลงของเหล็กเส้นกลมผิวเรียบ เหล็กเส้นกลมผิวข้ออ้อย เหล็กตัวซี และเหล็กตัว H จากวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ยังไม่ฟื้นตัว และมาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ ส่งผลให้อุปทานเหล็กส่วนเกินในตลาดโลกสูงกดดันราคาเหล็กและราคาวัตถุดิบในการผลิตเหล็ก (บิลเล็ต เศษเหล็ก) ปรับราคาลดลง หมวดกระเบื้อง ลด 0.6% จากการลดลงของกระเบื้องเคลือบบุผนัง กระเบื้องเคลือบปูพื้น และกระเบื้องยาง PVC ปูพื้น เนื่องจากความต้องการใช้ลดลงตามการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน

หมวดวัสดุฉาบผิว ลด 0.8% จากการลดลงของสีน้ำอะครีลิคทาภายใน สีรองพื้นปูน และสีทาถนนชนิดสะท้อนแสง เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบลดลงตามราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ปรับลดลง รวมทั้งกำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัว หมวดสุขภัณฑ์ ลด 1.7% จากการลดลงของโถส้วมชักโครก ฝักบัวอาบน้ำ และราวจับสแตนเลส เนื่องจากความต้องการใช้ลดลงตามการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน
         
ทั้งนี้ คาดว่า ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือน มิ.ย.2568 มีแนวโน้มลดลง จากหลายปัจจัยทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ คือ ความเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินจากอัตราหนี้เสียและหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ยังคงกดดันการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มผู้มีรายได้ระดับปานกลางลงมา ต้นทุนค่ากระแสไฟฟ้า ปรับลดลงเหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย ในรอบเดือน พ.ค.-ส.ค.2568 ตามมติของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ราคาพลังงานและราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากกลุ่มประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก (OPEC+) มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน ความไม่แน่นอนของการบังคับใช้มาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ ทำให้ผู้ประกอบการจากต่างประเทศหาตลาดใหม่ทดแทน และทำให้มีสินค้าวัสดุก่อสร้างสำคัญ อาทิเช่น เหล็กเส้น ท่อเหล็ก อลูมิเนียม เป็นต้น มีการระบายสินค้าสู่ตลาดอาเซียนและประเทศไทยมากขึ้น เกิดการแข่งขันด้านราคากับผู้ประกอบการภายในประเทศ และวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ยังไม่ฟื้นตัว และจีนยังคงไม่มีนโยบายลดกำลังการผลิตเหล็ก ส่งผลต่ออุปทานเหล็กในตลาดโลก  

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง