​กรมพัฒน์เผยธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงโตกระฉูด 5 ปีรายได้ 3.3 แสนล้าน กำไร 1.2 หมื่นล้าน

img

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงในไทย เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายได้รวม 5 ปีเฉลี่ย 3.3 แสนล้านบาท กำไรรวมเฉลี่ย 1.2 หมื่นล้านบาท ชี้ทิศทางยังขยายตัวได้อีก จากการที่คนนิยมเลี้ยงสัตว์เสมือนคนในครอบครัว ทำธุรกิจโตตาม แต่ต้องระวังการแข่งขันในตลาดที่จะรุนแรงมากขึ้น แนะปรับตัวใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เน้นสินค้าธรรมชาติ บริการ Pet Friendly
         
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจากคลังข้อมูลธุรกิจของกรม DBD DataWarehouse+ พบว่า ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงมีอัตราการเติบโตขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (ปี 2566-2567) ทั้งจำนวนการจัดตั้งใหม่และทุนจดทะเบียน โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 เม.ย.2568 ประเทศไทยมีธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจำนวนทั้งสิ้น 3,659 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 145,219.38 ล้านบาท โดยปี 2566 มีการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 487 ราย ทุนจดทะเบียน 658.85 ล้านบาท ปี 2567 จัดตั้ง 436 ราย (ลดลง 51 ราย หรือ 10.47%) ทุน 681.71 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 22.86 ล้านบาท หรือ 3.47%) ปี 2568 (ม.ค.-เม.ย.) จัดตั้ง 124 ราย ทุน 186.10 ล้านบาท
         
ส่วนปี 2566 มีธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่เลิกประกอบธุรกิจจำนวน 96 ราย ทุนจดทะเบียนเลิกประกอบธุรกิจ 521.82 ล้านบาท ปี 2567 เลิกประกอบธุรกิจ 100 ราย (เพิ่มขึ้น 4 ราย หรือ 4.17%) ทุน 159.71 ล้านบาท (ลดลง 362.11 ล้านบาท หรือ 69.40%) ปี 2568 (ม.ค.-เม.ย.) เลิกประกอบธุรกิจ 18 ราย ทุน 19.11 ล้านบาท
         
สำหรับผลประกอบการของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 5 ปีที่ผ่านมา (2562-2566) พบว่า โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้รวมของธุรกิจเฉลี่ย 5 ปี อยู่ที่ 3.3 แสนล้านบาท แบ่งเป็น ปี 2562 รายได้รวม 238,720.85 ล้านบาท ปี 2563 รายได้รวม 283,771.18 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 45,050.33 ล้านบาท หรือ 18.87%) ปี 2564 รายได้รวม 324,776.20 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 41,005.02 ล้านบาท หรือ 14.45%) ปี 2565 รายได้รวม 390,200.40 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 65,424.20 ล้านบาท หรือ 20.14%) และ ปี 2566 รายได้รวม 401,001.65 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 10,801.25 ล้านบาท หรือ 2.77%)  
         


ทั้งนี้ ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง มีผลกำไรเฉลี่ย 1.2 หมื่นล้านบาท โดยปี 2562 กำไร 6,904.18 ล้านบาท ปี 2563 กำไร 10,252.00 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3,347.82 ล้านบาท หรือ 48.49%) ปี 2564 กำไร 5,609.56 ล้านบาท (ลดลง 4,642.44 ล้านบาท หรือ 45.29%) ปี 2565 กำไร 17,696.88 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 12,087.32 ล้านบาท หรือ 215.48%) และ ปี 2566 กำไร 17,769.31 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 72.43 ล้านบาท หรือ 0.41%)
         
โดยธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงแยกตามสถานที่ตั้งนิติบุคคล 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.กรุงเทพมหานคร 1,220 ราย ทุน 106,696.24 ล้านบาท 2.นนทบุรี 279 ราย ทุน 2,240.50 ล้านบาท 3.สมุทรปราการ 210 ราย ทุน 9,762.80 ล้านบาท 4.ปทุมธานี 183 ราย ทุน 2,004.36 ล้านบาท และ 5.นครปฐม 139 ราย ทุน 1,558.05 ล้านบาท 6.จังหวัดอื่นๆ 1,628 ราย ทุน 22,957.44 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 3,659 ราย ทุนรวม 145,219.38 ล้านบาท
         
นางอรมนกล่าวว่า ปัจจุบันไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนในสังคมได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต โดยหันมาอยู่บ้านและใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น รวมถึงการพาสัตว์เลี้ยงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้เวลายามว่างเพื่อแก้เหงา จนสัตว์เลี้ยงกลายเป็นเสมือนคนในครอบครัว ทำให้ทิศทางของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงยังมีอนาคตที่สดใส โดยคาดว่าจะมีอัตราการแข่งขันที่สูงมากขึ้น เนื่องจากมีคู่แข่งเข้ามาในตลาดเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่จำนวนผู้บริโภคก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ผู้ประกอบธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจึงต้องมีการปรับตัวให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเต็มศักยภาพ รวมถึงต้องเปิดโลกทัศน์ด้านการประกอบธุรกิจให้กว้างขวางยิ่งขึ้น พร้อมหาพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเติมและเชื่อมโยงพันธมิตรเข้าด้วยกันอย่างแนบแน่น ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างมีทิศทางและมีความยั่งยืน

นอกจากนี้ ปัจจัยที่ส่งเสริมให้ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากสัตว์เลี้ยงได้กลายมาเป็นคอนเทนต์สร้างสีสันในโลกโซเชียล (Petfluencer) สร้างรายได้ให้เจ้าของที่นำเรื่องราวความน่ารักหรือการพาสัตว์เลี้ยงของตนเองไปท่องเที่ยวที่ต่าง ๆ มาเผยแพร่บนโลกออนไลน์ จนเกิดผู้ติดตามและสร้างอิทธิพลทางความคิด จนเกิดการอยากเลี้ยงสัตว์ตามมา อีกทั้งการซื้อขายของใช้ อาหาร ขนม หรือของเล่นของสัตว์ที่สินค้ามีความหลากหลายให้เลือกซื้อมากขึ้น มีธุรกิจเกิดใหม่จากวัฏจักรชีวิตสัตว์เลี้ยงที่เรารัก เช่น บริการ Health & Wellness สำหรับสัตว์เลี้ยง และธุรกิจรับจัดงานอวมงคลโดยเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยง ประกอบกับผู้ผลิตได้ปรับตัวในการผลิตสินค้าให้มีความปลอดภัย มีรูปแบบที่ทันสมัย การใช้เทคโนโลยีมาช่วยเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยง และเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสัตว์เลี้ยงมากขึ้น รวมถึง ปัจจุบันสถานที่ท่องเที่ยวอย่างห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยวก็ต่างปรับตัวให้เป็น Pet Friendly ลูกค้าสามารถพาสัตว์เลี้ยงมาเที่ยวด้วยกันได้ จึงทำให้เกิดสังคมคนเลี้ยงสัตว์มารวมตัวกัน และยังมีพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง และอาหารสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง