
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าร่วมมือสำนักงาน ปปง. ยกร่างกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ใส่ความผิดฐานนอมินี และคนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดมูลฐาน เปิดทางยึด อายัดทรัพย์สิน ทั้งของคนไทย คนต่างด้าว เพื่อหยุดยั้งนอมินีและฟอกเงิน สร้างความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจ และป้องกันใช้ช่องว่างทางกฎหมายกระทำความผิด ล่าสุดเปิดรับฟังความคิดเห็นถึง 25 เม.ย.นี้ ก่อนเสนอ ครม. และรัฐสภาต่อไป
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมและสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้ร่วมกันพิจารณายกร่างกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสร็จแล้ว โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มเติมให้คนไทยที่ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจกับคนต่างด้าว หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในธุรกิจที่อยู่ในบัญชีท้าย พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 หรือคนต่างด้าวที่ยอมให้คนไทยกระทำการแทนดังกล่าว ตามมาตรา 36 (ความผิดฐานนอมินี) และกรณีที่คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 37 เป็นความผิดมูลฐาน ตามร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่. ...) พ.ศ. ...
ทั้งนี้ การปรับแก้กฎหมายดังกล่าว จะนำไปสู่การยึด อายัดทรัพย์สิน ของผู้กระทำความผิด ทั้งที่เป็นคนไทยและคนต่างด้าว ให้ตกเป็นของแผ่นดิน เพื่อไม่ให้นำทรัพย์สินไปใช้ประโยชน์ หยุดยั้งการใช้บริษัทนอมินีและคนไทยเป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน สร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของระบบธุรกิจในประเทศไทย และป้องกันการใช้ช่องว่างทางกฎหมายในการกระทำความผิด
โดยล่าสุด ร่างกฎหมายดังกล่าว อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นในเว็บไซต์ระบบกลางทางกฎหมาย (https://law.go.th) ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นได้จนถึงวันที่ 25 เม.ย.2568 เพื่อสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการปกป้องธุรกิจของคนไทยให้มีความเข้มแข็ง สามารถแข่งขันได้ และเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งส่งเสริมให้คนต่างด้าวเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และเมื่อสิ้นสุดการรับฟังความคิดเห็นแล้ว สำนักงาน ปปง. จะพิจารณาเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้พิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามลำดับถัดไป
“การปราบปรามและการแก้ไขป้องกันธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว หรือนอมินีในประเทศไทย เป็นวาระสำคัญที่รัฐบาลเร่งดำเนินการ เพื่อป้องปรามไม่ให้สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย โดยมีการดำเนินการต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น มีกระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลัก พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือการทำงานร่วมกัน ตามแผนการดำเนินการของคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการประกอบธุรกิจ รวมถึงเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เป็นธรรมสำหรับผู้ประกอบการชาวไทย”นางอรมนกล่าว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง