​กรมพัฒน์ ส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหานิติบุคคล 41,535 ราย ไม่นำส่งงบการเงินปี 66

img

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าตรวจสอบนิติบุคคล ที่ยังไม่ส่งงบการเงินรอบปีบัญชี 2566 เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ มีจำนวน 41,535 ราย ส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว เผยสามารถดำเนินการได้ 3 กรณี ยอมรับข้อหา เสียค่าปรับ หรือยอมรับข้อหา แต่รอหนังสือแจ้งเสียค่าปรับ หรือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาได้ ย้ำตรวจสอบทำงบการเงินแล้วหรือยัง หากทำแล้วสามารถนำส่งผ่านระบบ DBD e-Filing ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ป้องกันไม่ให้หนังสือรับรองนิติบุคคลถูกหมายเหตุว่าไม่ได้ส่งงบการเงิน
         
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคลคงอยู่ทั่วประเทศที่มีหน้าที่ในการส่งงบการเงินรอบปีบัญชี 2566 จำนวน 835,011 ราย ซึ่งเป็นนิติบุคคลคงอยู่ที่สำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและมีหน้าที่ในการส่งงบการเงินรอบปีบัญชี 2566 จำนวน 306,421 ราย พบว่า มีนิติบุคคล (ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด) มีหน้าที่จัดทำบัญชีและนำส่งงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตามมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 ไม่นำส่งงบการเงิน ภายในเดือน พ.ค.2567 จำนวน 41,535 ราย คิดเป็นร้อยละ 13.55 ของนิติบุคคลคงอยู่ที่สำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร จึงได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการกองข้อมูลธุรกิจในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ.2565 ออกหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาไปยังนิติบุคคลดังกล่าวแล้ว

ทั้งนี้ เมื่อนิติบุคคลได้รับหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาการกระทำความผิดไม่ส่งงบการเงิน กรรมการหรือหุ้นส่วนผู้จัดการของนิติบุคคล มีสิทธิ์ดำเนินการ 3 กรณี ดังต่อไปนี้ 1.กรณียอมรับข้อกล่าวหาและต้องการชำระค่าปรับเป็นพินัยเพื่อให้คดียุติ สามารถทำหนังสือรับสารภาพ โดยลงนามตามอำนาจและประทับตรา (ถ้ามี) และนำไปยื่นที่งานงบการเงินและข้อมูลธุรกิจ ชั้น 3 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สนามบินน้ำ

2.กรณียอมรับข้อกล่าวหา แต่ไม่สะดวกในการทำหนังสือรับสารภาพ สามารถรอรับหนังสือคำสั่งปรับเป็นพินัย ซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐจะมีหนังสือแจ้งจำนวนเงินที่ต้องชำระค่าปรับ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 60 วันนับจากได้รับหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาฉบับแรกแล้ว เมื่อได้รับหนังสือคำสั่งปรับเป็นพินัย สามารถไปชำระค่าปรับได้ที่ งานงบการเงินและข้อมูลธุรกิจ ชั้น 3 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สนามบินน้ำ หรือ สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต 1-6 หรือ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ



3.กรณีต้องการชี้แจงหรือแก้ข้อกล่าวหา ให้ทำหนังสือชี้แจงเหตุผลโดยลงนามตามอำนาจและประทับตรา (ถ้ามี) พร้อมแนบเอกสารประกอบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐพิจารณาว่าคำชี้แจงหรือคำแก้ข้อกล่าวหาประกอบข้อเท็จจริงฟังขึ้นหรือไม่ และหากเจ้าหน้าที่ของรัฐพิจารณาแล้วเห็นว่ากระทำความผิด เจ้าหน้าที่จะมีหนังสือแจ้งคำสั่งปรับเป็นพินัย สำหรับกรณีที่ไม่ได้ความว่ากระทำความผิด เจ้าหน้าที่จะสั่งยุติเรื่องและมีหนังสือแจ้งกลับไปยังนิติบุคคลอีกครั้ง ทั้งนี้ ทั้ง 3 กรณี สามารถมอบให้บุคคลอื่นมายื่นเอกสารแทนได้
         
“เมื่อนิติบุคคลได้รับหนังสือคำสั่งปรับเป็นพินัย และได้ชำระค่าปรับเรียบร้อยแล้ว คดีจึงจะยุติ แต่หากได้รับหนังสือคำสั่งปรับเป็นพินัยแล้ว แต่ไม่ชำระค่าปรับ ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ.2565 กรมจะรวบรวมสรุปข้อเท็จจริงเพื่อส่งให้อัยการดำเนินการฟ้องศาลต่อไป”นางอรมนกล่าว
         
อย่างไรก็ตาม ขอแจ้งว่า หากนิติบุคคลได้รับหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ไม่ต้องตกใจ แต่ให้ไปตรวจสอบอย่างถ้วนถี่ว่านิติบุคคลของท่านได้จัดทำงบการเงินไว้แล้วหรือไม่ หากจัดทำไว้เรียบร้อยแล้ว ก็ให้รีบดำเนินการนำส่งงบการเงินผ่านระบบ DBD e-Filing ซึ่งสามารถยื่นได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้หนังสือรับรองนิติบุคคลถูกหมายเหตุว่าไม่ได้ส่งงบการเงิน อันเป็นการรักษาความน่าเชื่อถือในการดำเนินธุรกิจของท่าน อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสีย คู่ค้า และผู้สนใจที่จะร่วมทุนกับธุรกิจของท่านอีกด้วย

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง