จดบริษัทใหม่ปี 67 จำนวน 87,596 ราย เพิ่ม 2.69% สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

img

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยยอดบริษัทจดทะเบียนเดือน ธ.ค.67 มีจำนวน 4,377 ราย เพิ่ม 9.18% ทุนจดทะเบียน 22,895 ล้านบาท เพิ่ม 46.63% ส่วนยอดรวมทั้งปี 67 มีจำนวน 87,596 ราย เพิ่ม 2.69% ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่มีการจดทะเบียนมา ทุนจดทะเบียนรวม 285,745 ล้านบาท ลด 49.20% คาดปี 68 ทำนิวไฮต่อ ตั้งใหม่ 9-9.5 หมื่นราย เพิ่ม 2-4% ได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว การบริโภค ลงทุน ส่งออกฟื้นตัว

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือน ธ.ค.2567 มีจำนวน 4,377 ราย เพิ่มขึ้น 9.18% ทุนจดทะเบียน 22,895 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.63% โดยธุรกิจตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจการออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียง (ยกเว้นออนไลน์) ส่วนยอดรวมการจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั้งปี 2567 (ม.ค.-ธ.ค.) มีจำนวน 87,596 ราย เพิ่มขึ้น 2.69% ทำสถิติสูงสุด ตั้งแต่มีการจดทะเบียนมา มีปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว ได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยว การบริโภคภาคเอกชน การส่งออก และการลงทุนภาครัฐ มีทุนจดทะเบียน 285,745 ล้านบาท ลดลง 49.20% เพราะปี 2566 มีบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนเกิน 1 แสนล้านบาท 2 ราย คือ การควบรวมทรูกับดีแทค และการแปรสภาพบิ๊กซี โดยธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร

ทั้งนี้ ตลอดทั้งปี 2567 มีนิติบุคคลจัดตั้งใหม่ที่มีทุนจดทะเบียนสูงเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 15 ราย ทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 45,558 ล้านบาท เช่น ธุรกิจ Data Center รับเหมาก่อสร้างอาคาร ค้าส่งและค้าปลีก และโรงพยาบาล เป็นต้น
         
ส่วนการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการเดือน ธ.ค.2567 มีจำนวน 6,065 ราย เพิ่มขึ้น 9.83% ทุนจดทะเบียนเลิก 35,102 ล้านบาท ลดลง 32.92% ในจำนวนนี้มีธุรกิจเลิกประกอบกิจการที่ทุนจดทะเบียนสูงเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 3 ราย คิดเป็นทุนจดทะเบียน 15,571 ล้านบาท โดยธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก คือ ธุรกิจก่อสร้างอาคาร ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร 205 ราย และยอดรวมจดทะเบียนเลิกทั้งปี 2567 มีจำนวน 23,679 ราย เพิ่มขึ้น 1.28% ทุนจดทะเบียนเลิก 171,180 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.95% โดยธุรกิจที่มีการจดทะเบียนเลิกสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร  
         


โดยการจดทะเบียนเลิกของนิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียนสูงเกิน 1,000 ล้านบาท ในปี 2567 มีจำนวน 13 ราย ทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 85,839 ล้านบาท เช่น ธุรกิจโทรคมนาคม ธุรกิจขายสิทธิการเช่าห้องชุดพักอาศัย ให้เช่าห้องชุดพักอาศัย โรงงานผลิต ซื้อ และจำหน่าย ให้เช่าเทปคาสเซ็ท แผ่นเสียง แถบบันทึกเสียง และบริการเงินอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการ เป็นต้น
         
นางอรมนกล่าวว่า สำหรับปี 2568 กรมได้คาดการณ์ตัวเลขการจดทะเบียนธุรกิจใหม่อยู่ที่ 90,000-95,000 ราย เพิ่มขึ้น 2-4% โดยมีปัจจัยบวกจากการเติบโตเศรษฐกิจในปี 2568 ที่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดการณ์ไว้ที่ 2.3-3.3% เศรษฐกิจโลกขยายตัว 3.0% การเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว การจัดกิจกรรมและเทศกาลสำคัญภายในประเทศ การขยายตัวของการลงทุน ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ การขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น การส่งออกสินค้ายังฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ก็ต้องติดตามสภาวะเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาตสร์ ความไม่แน่นอนของนโยบายทรัมป์ 2.0

ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค.2567) มีธุรกิจที่จดทะเบียนนิติบุคคลรวมทั้งสิ้น 1,964,829 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 30.56 ล้านล้านบาท มีนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่จำนวน 928,290 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 22.40 ล้านล้านบาท แบ่งออกเป็นบริษัทจำกัดจำนวน 730,542 ราย หรือ 78.70% ของจำนวนนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 16.29 ล้านล้านบาท ห้างหุ้นส่วนจำกัดและห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลจำนวน 196,266 ราย หรือ 21.14% ของจำนวนนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 0.44 ล้านล้านบาท และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,482 ราย หรือ 0.16% ของจำนวนนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียนรวม 5.67 ล้านล้านบาท


 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง