​“พิชัย” ดันเพิ่มศักยภาพ “ท่าเรือเชียงแสน” เชื่อมการค้าไทย-สปป.ลาว-เมียนมา-จีน

img

“พิชัย”ลงพื้นที่ติดตามการค้าชายแดน ที่ด่านศุลกากรแม่สาย เชียงราย เคาะเพิ่มศักยภาพท่าเรือเชียงแสน รองรับการขยายตัวการค้า เชื่อมต่อ สปป.ลาว เมียนมา จีน เผยปี 68 มีแผนจัดมหกรรมการค้าชายแดน 4 ภาค รวม 6 ครั้ง กระตุ้นการค้าชายแดน และเร่งประสานเพื่อนบ้านเปิดด่านต่อเนื่อง ล่าสุดฝั่งไทยเปิดแล้ว 86 แห่ง เพื่อนบ้านเปิด 73 แห่ง จากทั้งหมด 94 แห่ง ส่วน 10 เดือน การค้าชายแดนและผ่านแดนทะลุ 1.5 ล้านล้านบาท เพิ่ม 6.18%
         
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนและผ่านแดนจังหวัดเชียงราย ณ ด่านศุลกากรแม่สาย จ.เชียงราย โดยมีนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์  นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ คณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ด่านศุลกากร ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเชียงรายเข้าร่วม เพื่อเร่งทำงานเชิงรุกส่งเสริมการค้าชายแดนและผ่านแดน และรับฟังข้อเรียกร้องภาคเอกชนเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาอุปสรรคการค้า รวมทั้งได้หารือยกระดับศักยภาพท่าเรือเชียงแสนรองรับการค้ากับจีน และยังได้กำชับศุลกากรป้องกันสินค้านำเข้าด้อยคุณภาพด้วย
         
“ได้เน้นย้ำถึงการทำงานเชิงรุกของกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ และภาคธุรกิจในพื้นที่ เพื่อเปิดประตูการค้าชายแดนและผ่านแดน และให้พิจารณาการยกระดับศักยภาพของท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน เพื่อรองรับการค้ากับจีน ตามข้อเสนอของหอการค้าจังหวัดเชียงราย โดยได้มอบหมายให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยประสานงานกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด เพื่อศึกษาความคุ้มค่าของการลงทุน และมอบกรมการค้าต่างประเทศติดตามความคืบหน้า เนื่องจากท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน เป็นเส้นทางการค้าที่มีศักยภาพ ที่สามารถเชื่อมต่อการค้าระหว่างประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน (สปป.ลาว เมียนมา และจีน)”

ทั้งนี้ ในช่วง 10 เดือน ปี 2567 (ม.ค.-ต.ค.) ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน มีมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนรวม 5,962 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.53% แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 5,650 ล้านบาท และการนำเข้า 312 ล้านบาท และยังเป็นเส้นทางขนส่งผลไม้ที่สำคัญ เนื่องจากจีนได้เห็นชอบให้ด่านกวนเหล่ย เป็นด่านรองรับผลไม้ เมื่อเดือน ก.ค.2567 ที่ผ่านมา



นายพิชัยกล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะทำหน้าที่ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยกับเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่องและเต็มที่ โดยในปี 2568 มีกำหนดการจัดมหกรรมการค้าในพื้นที่จังหวัดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษและจังหวัดชายแดนหรือระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค รวม 6 ครั้ง และจะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเปิดด่านตรงข้ามกับที่ฝั่งไทยเปิดแล้ว หรือมีความพร้อมที่จะเปิดด่านอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มมูลค่าทางการค้าให้กับประเทศ
         
“กระทรวงพาณิชย์มีหน้าที่ส่งเสริมให้เอกชนค้าขายได้ดีขึ้น พร้อมช่วยผลักดันเพื่อเพิ่มการค้า การลงทุน โดยขอให้ภาคเอกชนที่ต้องการการสนับสนุน เตรียมข้อมูลให้กับรัฐบาล จะได้ซัปพอร์ตให้เต็มที่ในการแก้ไขอุปสรรคทางการค้าให้ภาคเอกชน เรื่องไหนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ ก็พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนทันที และยินดีที่จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง”นายพิชัยกล่าว
         
อย่างไรก็ตาม ปีนี้คาดว่าจะเป็นปีทองของการค้าชายแดนและผ่านแดน โดยกรมการค้าต่างประเทศ ได้รายงานว่า ช่วง 10 เดือนของปี 2567 (ม.ค.-ต.ค.) การค้าชายแดนและผ่านแดนของไทยมีมูลค่าการค้ารวม 1,514,837 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.18% เป็นการส่งออก 872,043 ล้านบาท เพิ่ม 5.64% และการนำเข้า 642,794 ล้านบาท เพิ่ม 6.92% โดยไทยได้ดุลการค้า 229,248 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ มีเป้าขยายมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนให้เติบโตเป็น 2 ล้านล้านบาทต่อปี ภายในปี 2570 ภายใต้ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการค้าชายแดนและการลงทุนชายแดนและผ่านแดน ปี 2567–70 ซึ่งปัจจุบัน มีจุดผ่านแดนฝั่งไทยเปิดแล้ว 86 แห่ง จากทั้งหมด 94 แห่ง ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านเปิด 73 แห่ง

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง