​“ภูมิธรรม”กระตุ้นคนไทย ธุรกิจไทยปรับตัว รับเทรนด์การค้าโลกเปลี่ยน ป้องตกขบวน

img

“ภูมิธรรม”กระตุ้นคนไทย ธุรกิจไทย ปรับตัวให้ทันเทรนด์การค้าโลกใหม่ที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งการเปลี่ยนขั้วเศรษฐกิจ เทคโนโลยี การขยายตัวของเมือง การเปลี่ยนโครงสร้างประชากร และความยั่งยืน ย้ำปรับตัวทัน อยู่รอด ปรับไม่ได้ ก็จะถูกบังคับให้เปลี่ยน เผยรัฐบาล-พาณิชย์ พร้อมช่วยหนุนด้านการเงิน เทคโนโลยีและนวัตกรรม และการพัฒนาคน ส่วนด้านการค้า เน้นลุยเจาะจีน อินเดีย เพิ่มช่องทางใหม่ ๆ ในการขายสินค้าไทย

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการบรรยายหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ (Top Executive Program in Commerce and Trade : TEPCoT) รุ่นที่ 16 ในหัวข้อ “ยุทธศาสตร์การค้าต่างประเทศในอนาคต” ที่ห้องเรียน 10201 อาคาร 10 ชั้น 2 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เมื่อวันที่ 11 ก.ค.2567 ที่ผ่านมา โดยมีนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วม ว่า ปัจจุบันโลกกำลังเปลี่ยนแปลง จะกระทบกับวิถีชีวิตของคนทุกคน และทุกธุรกิจ ที่ต้องปรับตัวให้ทัน โดยต้องรู้ว่าเรากำลังเผชิญกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างไร ต้องทำความเข้าใจกับกฎเกณฑ์กติกาที่กำลังเปลี่ยนไป และเตรียมความพร้อมรับมือให้ได้ เพื่อให้ไทยยังมีบทบาทนำในเวทีการค้าต่อไป

สำหรับระเบียบการค้าโลกใหม่ ที่กำลังเป็นเทรนด์สำคัญของโลก ประกอบด้วย 1.การเปลี่ยนขั้วทางเศรษฐกิจและการเมือง โดยโลกแบ่งเป็นหลายขั้ว มีความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่เพิ่มมากขึ้น 2.ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น Smart City, AI , loT, Blockchain , Big Data เป็นต้น 3.การขยายตัวของความเป็นเมืองอย่างรวดเร็ว การเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลง 4.การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร มีคนแก่เยอะ คนวัยแรงงานไม่มี ซึ่งเป็นทั้งความท้าทายและโอกาส 5.การเติบโตอย่างยั่งยืนและการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

“โลกเปลี่ยนแล้ว ถ้าใครปรับทัน ก็จะอยู่รอดได้ ถ้าปรับไม่ได้ ก็จะถูกบังคับให้เปลี่ยน ถ้าเราเข้าใจสิ่งเหล่านี้ จะไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ ซึ่งแรก ๆ อาจจะต้องลงทุน แต่เมื่อถึงเวลา ก็จะสามารถไปได้ก่อนคนที่อยู่กับที่ และที่สำคัญ อยู่ที่วิธีคิด โดยสิ่งที่รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์กำลังทำ คือ การยกระดับระบบนิเวศทางการเงิน นำเสนอเครื่องมือและบริการทางการเงินที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน พัฒนาระบบนิเวศทางเทคโนโลยี สนับสนุนนวัตกรรมใหม่ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว เพิ่มแรงจูงใจในการแข่งขันและลดกฎระเบียบภาครัฐในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ของเอกชน และการยกระดับระบบนิเวศทางทรัพยากรมนุษย์ เพิ่มผลผลิตแรงงานของไทยให้สอดรับกับความยั่งยืน เพื่อให้ทันกับโลกการค้าในอนาคต”นายภูมิธรรมกล่าว
         


นายภูมิธรรมกล่าวว่า รัฐบาลโดยการนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยังได้สร้างทีมไทยแลนด์ ที่ประกอบด้วยกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ร่วมกันทำงาน มีเป้าหมายที่จะเจาะ 10 ประเทศยุทธศาสตร์ เพื่อทำการค้าเชิงรุก หารายได้เข้าประเทศ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มตลาดหลักที่ต้องรักษาไว้ ได้แก่ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น เยอรมนี ฝรั่งเศส 2.กลุ่มตลาดศักยภาพ ได้แก่ อินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เกาหลีใต้ และ 3.กลุ่มตลาดศักยภาพใหม่ ได้แก่ แอฟริกาใต้ สหราชอาณาจักร ซาอุดีอาระเบีย
         
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้เดินหน้าขับเคลื่อนการค้า โดยมีแผนที่จะทำ MOU กับหลายมณฑลศักยภาพของจีน เพราะแต่ละมณฑลของจีนมีประชากรเยอะมาก อาทิ เมืองเซียเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน มณฑลเฮยหลงเจียง มณฑลซานซี มณฑลเจ้อเจียง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง มณฑลเหอเป่ย มณฑลซานตง เป็นต้น และได้มอบนโยบายในการรุกตลาดอินเดียเพิ่มขึ้น โดยให้เจ้าหน้าที่กระทรวงทุกคนทำงานเชิงรุก ทั้งทูตพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัดและส่วนกลางทำงานร่วมกันเป็นทีมพาณิชย์ รวมถึงประสานงานกับภาคเอกชน หอการค้า YEC ในจังหวัด MOC Bizclub และ YSF เป็นต้น เพื่อสร้างเครือข่ายร่วมกัน เพราะคนรุ่นใหม่ในจังหวัดมีศักยภาพ จะได้ช่วยกันหาทางแก้ปัญหาให้เอกชนเป็นทัพหน้าทำรายได้เข้าประเทศ
         
นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาช่องทางตลาดและการทำธุรกิจระหว่างประเทศ โดยจัดงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศไทย อาทิ งาน THAIFEX-Anuga Asia 2024 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่และครบวงจรที่สุดแห่งเอเชีย สร้างมูลค่าการค้าได้กว่า 100,000 ล้านบาท และจะนำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติในต่างประเทศ รวมไปถึงการจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ส่งออกไทยและผู้นำเข้าต่างชาติ เพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออกสินค้าไทย
         
ขณะเดียวกัน ในเร็ว ๆ นี้ จะจัดมหกรรม Live Commerce นำอินฟลูเอนเซอร์จากจีน มาช่วยไลฟ์สดขายสินค้าไทย รวมไปถึงกระทรวงพาณิชย์ได้ปรับใช้การตลาดรูปแบบใหม่ เช่น ซีรีส์วาย ซีรีส์ยูริ ในการส่งเสริมสินค้าและบริการไทย เพื่อที่ให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลง ต้องคิดนอกกรอบ และตนได้นำกระทรวงพาณิชย์ทำ MOU กับบริษัท Sinopec รัฐวิสาหกิจพลังงานรายใหญ่ของจีน เพื่อผลักดันสินค้าไทยวางจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมันกว่า 30,000 แห่งทั่วจีนอีกด้วย

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง