​“อภิรดี”เป็นประธานลงนาม MOU ซื้อขายข้าว 8.4 หมื่นตัน ส่วนผลการเจรจาธุรกิจ คาดใน 1 ปี ตกลงกันได้มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้าน

img

“อภิรดี”เปิดโครงการจับคู่ธุรกิจสินค้าข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าว พร้อมเป็นประธานการลงนาม MOU ซื้อขายข้าว 8 ฉบับ ปริมาณรวม 84,000 ตัน คาดการจัดงานในครั้งนี้ จะมีการตกลงซื้อขายกันภายใน 1 ปี ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท เผยยังได้คิกออฟการทำตลาดข้าวสี ข้าวหอมมะลิแดง ข้าวหอมมะลิดำ (หอมนิล) และข้าวไรซ์เบอร์รี่ มั่นใจปีนี้ส่งออกข้าวทำได้ถึง 11 ล้านตันแน่

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการจับคู่ธุรกิจสินค้าข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าว ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 31 ต.ค.2560 ว่า การจัดงานครั้งนี้ ได้มีการลงนามความตกลง (MOU) ระหว่างผู้นำเข้าข้าวต่างประเทศกับผู้ประกอบการไทยในทันที จำนวน 8 ฉบับ ปริมาณข้าวที่ซื้อขายรวม 84,000 ตัน ซึ่งคำสั่งซื้อที่มีนี้ จะส่งผลดีต่อข้าวราคาข้าวฤดูกาลใหม่ที่กำลังออกสู่ตลาดที่จะปรับตัวสูงขึ้น
         
สำหรับ MOU ทั้ง 8 ฉบับ ได้แก่ 1.การลงนามระหว่างบริษัท 759 Store ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและซุปเปอร์มาเก็ตที่มี 224 สาขาทั่วเกาะฮ่องกง กับบริษัท Siam Diamond Export Rice จำกัด เพื่อสั่งซื้อข้าวหอมมะลิไทย จำนวน 10,000 ตัน 2.การลงนามระหว่างบริษัท 759 Store ของฮ่องกง กับบริษัท Global Rice Intertrade จำกัด เพื่อสั่งซื้อข้าวกล้อง ข้าวออร์แกนิก และข้าวไรซ์เบอร์รี่ รวมจำนวน 4,000 ตัน โดยบริษัท 759 Store ยังต้องการนำเข้าผลิตภัณฑ์ข้าวเพื่อเจาะตลาดภัตตาคารและร้านค้าทั่วไปด้วย

3.การลงนามระหว่างบริษัท Goldmine Rice Marketing จากฟิลิปปินส์ กับบริษัท AKE Ricemill จำกัด โดยจะลงนามสั่งซื้อข้าวขาวไทย 5% จำนวน 5,000 ตัน 4.การลงนามระหว่างบริษัท Goldmine Rice Marketing จากฟิลิปปินส์ กับบริษัท Asia Golden Rice จำกัด โดยจะลงนามสั่งซื้อข้าวขาวไทย 5% จำนวน 5,000 ตัน 5.การลงนามระหว่างบริษัท All Asian Countertrade จากฟิลิปปินส์ กับบริษัท C.P. Intertrade จำกัด โดยจะลงนามสั่งซื้อข้าวขาวไทย 5% จำนวน 25,000 ตัน 6.การลงนามระหว่างบริษัท Goldmine Rice Marketing จากฟิลิปปินส์ กับบริษัท C.P. Intertrade จำกัด โดยจะลงนามสั่งซื้อข้าวขาวไทย 5% จำนวน 5,000 ตัน 7.การลงนามระหว่างบริษัท Goldmine Rice Marketing จากฟิลิปปินส์ กับบริษัท Capital Rice จำกัด โดยจะลงนามสั่งซื้อข้าวขาวไทย 5% จำนวน 5,000 ตัน และ 8.การลงนามระหว่างบริษัท St. Claire Countertrade จากฟิลิปปินส์ กับบริษัท Oriental Jasmine จำกัด โดยจะลงนามสั่งซื้อข้าวขาวไทย 5% จำนวน 25,000 ตัน

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดว่าในการเจรจาธุรกิจสินค้าข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าวระหว่างผู้ซื้อ ผู้นำเข้ากว่า 200 ราย จาก 25 ประเทศทั่วโลก เช่น จีน ฮ่องกง แคนาดา สหรัฐฯ ยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง อาเซียน กับผู้ประกอบการไทยกว่า 100 ราย จะมีการเจรจาซื้อขายกันภายใน 1 ปี ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท

นางอภิรดีกล่าวว่า กระทรวงฯ ยังได้เร่งขยายตลาดข้าวสี ได้แก่ ข้าวหอมมะลิแดง ข้าวหอมมะลิดำ (หอมนิล) และข้าวไรซ์เบอร์รี่ โดยได้จัดให้มีการลงนาม MOU ระหว่างสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. บุรีรัมย์ จำกัด  สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. สุรินทร์ จำกัด บริษัท Universal Rice จำกัด บริษัท Asia Golden Rice จำกัด และบริษัท Thai Ha จำกัด (มหาชน) เพื่อร่วมกันผลิตและทำตลาด ซึ่งจะเริ่มใน 3 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ และยังได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลก สำรวจความต้องการ และวางแผนประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์และคุณประโยชน์ของข้าวสีด้วย

สำหรับสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกในปัจจุบัน พบว่า มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี และข้าวเปลือกเจ้า ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลได้มีมาตรการเข้าไปช่วยเหลือ และการหาตลาดรองรับของกระทรวงพาณิชย์ โดยล่าสุดบังคลาเทศได้ตกลงซื้อข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับไทย 1.5 แสนตัน และในปีนี้ ยังมั่นใจว่า จะสามารถส่งออกข้าวได้ปริมาณ 11 ล้านตัน ตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ 
 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง