“จุรินทร์”ต้อนรับนักธุรกิจซาอุดิอาระเบีย เปิดเวทีเจรจาจับคู่ คาดตกลงซื้อขายทะลัก

img

“จุรินทร์”ต้อนรับคณะนักธุรกิจซาอุดิอาระเบีย สร้างประวัติศาสตร์การค้า เปิดเวทีเจรจาจับคู่ธุรกิจ มั่นใจเกิดมูลค่าซื้อขายกันทะลักแน่ เผยจะนำคณะนักธุรกิจไทยไปเยือนซาอุดิอาระเบียช่วงปลายส.ค.หรือต้นก.ย.นี้ ลุยต่อขยายความร่วมมือการค้า ลงทุน เศรษฐกิจ คาดปีนี้ส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 56,000 ล้าน เพิ่ม 6%

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเปิดงาน Thai–Saudi Business Matching พร้อมด้วย มร.ครารีม อัลอันซี่ กรรมการหอการค้ามณฑลริยาดและหัวหน้าคณะกรรมการด้านการค้าของหอการค้ามณฑลริยาด นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่สุราลัย ฮอลล์ ชั้น 7 ไอคอนสยาม ว่า วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่งของการค้า การลงทุน ของไทยกับซาอุดีอาระเบีย ที่นักธุรกิจของทั้งสองประเทศได้มีโอกาสพบกัน นับตั้งแต่นายกรัฐมนตรี นำคณะจากไทยเปิดสัมพันธ์ไมตรีอีกครั้งหนึ่งกับซาอุดีอาระเบีย ซึ่งนับจากนี้ต่อไป ไทยจะได้สานต่อความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งการค้าการลงทุนและด้านอื่น ๆ และได้เริ่มต้นการเจรจาการค้าระหว่างกันในรูปแบบ Business Matching ซึ่งหวังว่าการเจรจาการค้าระหว่างกันจะนำมาซึ่งการเซ็นสัญญาซื้อขายและการทำ MOU ระหว่างกันในมูลค่าไม่น้อย และระยะถัดไป ประมาณปลายเดือนส.ค. หรือต้นเดือนก.ย.2565 จะนำคณะนักธุรกิจจากไทยไปเยือนซาอุดีอาระเบีย รวมทั้งที่เมืองริยาดด้วย เพื่อขยายการค้า การลงทุน และเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน

ทั้งนี้ ในด้านการค้า ซาอุดีอาระเบียเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย และเป็นประเทศที่มีความสำคัญทั้งด้านการเมืองระหว่างประเทศและเศรษฐกิจประเทศหนึ่งของโลก มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียปีที่แล้ว มีมูลค่ารวมกัน 234,000 ล้านบาท ไทยส่งออกไปซาอุดีอาระเบีย 51,000 ล้านบาท ยังขาดดุลซาอุดีอาระเบียอยู่มาก เพราะไทยนำเข้าพลังงานจากซาอุดีอาระเบียมาก ส่วนการส่งออก 5 เดือนในช่วง 5 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.) ไทยส่งออกไปซาอุดีอาระเบียแล้ว 25,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.3% และตั้งเป้าว่าปีนี้ ไทยจะส่งออกไปซาอุดีอาระเบียให้ได้ 56,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 6%  

นอกจากนี้ ไทยสามารถใช้ซาอุดีอาระเบีย เป็นประตูการค้าไปสู่ตะวันออกกลางและกลุ่มประเทศ GCC (กลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ หรือ Gulf Cooperation Council) และซาอุดีอาระเบียสามารถใช้ไทยเป็นประตูการค้าไปสู่อาเซียนและประตูการค้าไปสู่เอเชียตะวันออกได้  





“ได้แจ้งและเชิญชวนนักธุรกิจจากซาอุดีอาระเบีย ที่เดินทางมาเยือนไทยครั้งนี้ จากมณฑลริยาดถึง 96 ราย 74 บริษัทว่าไทยพร้อมต้อนรับนักลงทุนและผู้ค้าจากซาอุดีอาระเบียที่เป็นภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจ ภาครัฐของซาอุดีอาระเบีย ถ้ามาลงทุนในไทยจะได้รับสิทธิประโยชน์อย่างน้อยจาก FTA ที่ไทยทำกับประเทศต่าง ๆ 18 ประเทศ จำนวน 14 ฉบับ ไม่ว่าจะเป็นอาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย เปรู ชิลี และฮ่องกง รวมทั้งสิทธิประโยชน์จาก FTA ที่ใหญ่ที่สุดในโลกปัจจุบัน ที่ไทยเป็นสมาชิก คือ RCEP ซึ่งบังคับใช้แล้วเมื่อต้นปีนี้ และในอนาคตไทยกำลังจะทำ FTA เพิ่มกับบางประเทศ เช่น กลุ่ม EFTA ที่มีสวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ ที่ผมไปประกาศนับหนึ่งที่ให้ไอซ์แลนด์ เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้ง FTA กับ UK และกลุ่มประเทศเขตเศรษฐกิจเสรีการค้า APEC ในอนาคต ที่จะพัฒนาไปเป็น FTA”

ขณะเดียวกัน ไทยมีข้อตกลงทางการค้ารูปแบบพิเศษ ที่เรียกว่า Mini FTA ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการทำ Mini FTA กับมณฑลไห่หนานของจีน มณฑลกานซู่ของจีน รัฐเตลังคานของอินเดีย และเมืองโคฟุของญี่ปุ่น ซึ่งนักลงทุนที่มาลงทุนในไทยจะได้ประโยชน์ด้วย

สำหรับการขับเคลื่อนการค้า การลงทุน และการแก้ไขปัญหาทางการค้า ได้แจ้งกับนักธุรกิจซาอุดิอาระเบียว่าไทยมีกลไกที่เรียกว่า กรอ.พาณิชย์ (คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์) ซึ่งเป็นเวทีทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนของไทย ซึ่งภาคเอกชนมีสมาชิกประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย รวมทั้งสมาพันธ์เอสเอ็มอี หากนักลงทุนจากซาอุดีอาระเบีย เมื่อมาทำการค้า มาลงทุนกับประเทศไทย ถ้าติดขัดปัญหาอุปสรรคจะสามารถใช้เวที กรอ.พาณิชย์ ช่วยคลี่คลายปัญหาได้ โดยผ่านสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย






ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง