“จุรินทร์”เป็นสักขีพยานการลงนามอัปเกรด FTA ไทย-เปรู เพิ่มความสะดวกค้าขาย2ฝ่าย

img

“จุรินทร์”เป็นสักขีพยานการลงนามอัปเกรด FTA ไทย-เปรู หลังปรับปรุงกฎถิ่นกำเนิดสินค้าให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับบริบทการค้าในปัจจุบันและในอนาคต เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า และเสริมสร้างบรรยากาศทางการค้าของ 2 ฝ่ายให้ขยายตัวยิ่งขึ้น เผยตัวเลขการค้าปี 64 มีมูลค่าถึง 15,700 ล้านบาท เพิ่ม 24.06% สะท้อน FTA ช่วยได้จริง
         
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามพิธีสารเพิ่มเติมฉบับที่ 4 ภายใต้พิธีสารระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรู เพื่อเร่งเปิดเสรีการค้าสินค้าและอํานวยความสะดวกทางการค้า พร้อมด้วยนางอานา เซซิเลีย เฮร์บาซิ ดิอัซ รัฐมนตรีช่วยว่าการด้านการค้าต่างประเทศ สาธารณรัฐเปรู ดร.สรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ ณ ห้องโลตัส ชั้น 22 โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ 
         
สำหรับพิธีลงนาม “พิธีสารเพิ่มเติมฉบับที่ 4 ภายใต้พิธีสารระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรู เพื่อเร่งเปิดเสรีการค้าสินค้าและอำนวยความสะดวกทางการค้า” ถือเป็นความสำเร็จสำคัญของไทยและเปรูที่ได้ร่วมกันดำเนินการเจรจาปรับปรุงกฎถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างไทย-เปรู มาตั้งแต่ปี 2563 จนกระทั่งได้ข้อสรุปร่วมกัน และพร้อมลงนามความสำเร็จ
         
“ขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการด้านการค้าต่างประเทศ กระทรวงการค้าต่างประเทศและการท่องเที่ยวของเปรู และทีมงานที่เกี่ยวข้องของฝ่ายไทยและเปรู ที่ได้ร่วมกันทำงานตั้งแต่ต้น เพื่อปรับปรุงเอกสารที่จะช่วยให้ FTA ระหว่างไทยและเปรูที่มีอยู่ทันสมัยและบังคับใช้ได้จริง โดยเฉพาะการปรับปรุงพิธีสารฉบับนี้ ขอประกาศเริ่มพิธีการลงนาม พิธีสารเพิ่มเติมฉบับที่ 4 ภายใต้พิธีสารระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรูเพื่อเร่งเปิดเสรีการค้าสินค้าและอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างกันต่อไป”นายจุรินทร์กล่าว



ทั้งนี้ การค้าระหว่างไทยและเปรูในปี 2564 มีมูลค่าเกือบ 15,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.06% สะท้อนให้เห็นประโยชน์และความสำคัญของการมีความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA ระหว่างกันนับตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา
         
ข้อมูลจากกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า พิธีสารเพิ่มเติมฉบับที่ 4 เพื่อเร่งเปิดเสรีการค้าสินค้าและอำนวยความสะดวกทางการค้า มีสาระสำคัญ 3 ข้อ ได้แก่ การปรับปรุงและเพิ่มเติมข้อบทกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทการค้าในปัจจุบันและในอนาคต เช่น อนุญาตให้ใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าที่ใช้การลงนามและประทับตราด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ และเพิ่มเติมข้อบทให้รองรับการจัดทำหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต เพื่อให้ข้อบทด้านกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไทย-เปรู  มีมาตรฐานสูงเท่าเทียมกับความตกลง FTA ฉบับอื่น ๆ
         
นอกจากนี้ ยังได้ปรับโอนพิกัดศุลกากรของกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้า จากระบบฮาร์โมไนซ์ฉบับปี 2550 เป็นระบบฮาร์โมไนซ์ฉบับปี 2560 เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติขององค์การศุลกากรโลกที่มีการปรับโอนพิกัดศุลกากรเป็นประจำทุก 5 ปี ซึ่งจะทำให้ความตกลงว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไทย-เปรู มีความทันสมัย และช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับผู้ประกอบการ จะช่วยส่งเสริมบรรยากาศทางการค้าและการลงทุนของทั้งสองประเทศต่อไป





ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง