กรมการค้าต่างประเทศจับมือสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และทูตพาณิชย์ จัดประชุมหารือกับสมาคมผู้นำเข้าข้าวสิงคโปร์ผ่านวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ ติดตามสถานการณ์ ความต้องการ และแนวโน้มการส่งออกข้าว ผู้นำเข้าเผยหลังบาทอ่อน ข้าวไทยจะแข่งขันได้ดีขึ้น เหตุราคาปรับลดลง ระบุข้าวหอมมะลิมีโอกาสมาก เพราะคุณภาพดี และจะมีการเลิกล็อกดาวน์ก.ย.นี้ ส่วนข้าวกล้อง ข้าวเพื่อสุขภาพ กำลงมาแรง
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 ส.ค.2564 ที่ผ่านมา กรมฯ ได้ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยและสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ กรุงสิงคโปร์ จัดการประชุมหารือกับสมาคมผู้นำเข้าข้าวสิงคโปร์ (Singapore General Rice Importers Association) ผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ เพื่อติดตามสถานการณ์ข้าวไทยในตลาดสิงคโปร์ ความต้องการนำเข้าข้าวของสิงคโปร์ และการผลักดันการส่งออกข้าวไทยไปยังสิงคโปร์ในช่วงที่เหลือของปีนี้
โดยรายละเอียดในการประชุม ทั้ง 2 ประเทศได้แลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ตลาดข้าว โดยไทยได้แจ้งสถานการณ์การผลิตข้าวของไทยในปี 2564 คาดว่าจะมีผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีปริมาณน้ำฝนที่เพียงพอ ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอยู่ที่ประมาณ 32.00-33.00 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ปัจจุบันราคาข้าวไทยปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่แข่งขันกับประเทศคู่แข่ง เช่น อินเดียและเวียดนาม ได้มากขึ้น จึงขอให้สมาคมผู้นำเข้าข้าวสิงคโปร์นำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกสิงคโปร์นำเข้าข้าวจากไทยลดลงมากเมื่อเทียบกับปี 2563
ทั้งนี้ ผู้แทนสมาคมผู้นำเข้าข้าวสิงคโปร์ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดข้าวในสิงคโปร์ว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 สิงคโปร์นำเข้าข้าวรวมลดลง เนื่องจากยังมีสต็อกข้าวที่เหลือจากปี 2563 ที่ผู้นำเข้าได้เร่งนำเข้าข้าวในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มีปริมาณข้าวมากเกินความต้องการในตลาด ส่วนสาเหตุที่สิงคโปร์นำเข้าข้าวจากไทยลดลงมาจากราคาข้าวไทยมีความผันผวนมาก ทำให้ผู้นำเข้าข้าววางแผนการตลาดค่อนข้างยาก ผู้นำเข้าข้าวบางส่วนจึงหันไปนำเข้าข้าวจากเวียดนามที่มีเสถียรภาพด้านราคา แม้ว่าคุณภาพจะด้อยกว่าข้าวไทย และยังมีการนำเข้าข้าวจากอินเดียเพิ่มขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของแรงงานอินเดียในสิงคโปร์ที่มีมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สมาคมผู้นำเข้าข้าวสิงคโปร์ เห็นว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ความต้องการของข้าวไทยจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาข้าวไทยปรับตัวลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิไทยที่ปรับตัวลดลงในระดับที่จูงใจให้นำเข้าเพิ่มขึ้น และนอกจากปัจจัยบวกทางด้านราคาแล้ว ผู้บริโภคในสิงคโปร์ยังคงเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐานของข้าวไทยที่สูงกว่าข้าวจากแหล่งอื่น ประกอบกับคาดว่ารัฐบาลสิงคโปร์จะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงเดือนก.ย.2564 เป็นต้นไป ทำให้มีความต้องการข้าวไทยจากอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ข้าวกล้อง ข้าวเพื่อสุขภาพของไทย ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภค และมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากรัฐบาลสิงคโปร์ได้รณรงค์ให้ชาวสิงคโปร์หันมาบริโภคข้าวกล้องแทนข้าวขาวเพื่อลดอัตราผู้ป่วยโรคเบาหวานในประเทศ โดยมีการสร้างแรงจูงใจแก่ผู้นำเข้าในการประชาสัมพันธ์ข้าวดังกล่าวกับผู้บริโภค หากราคาข้าวไทยมีเสถียรภาพและยังปรับตัวอยู่ในระดับที่แข่งขันได้เช่นในปัจจุบัน คาดว่าครึ่งปีหลังจะมีการนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน สมาคมผู้นำเข้าข้าวสิงคโปร์แสดงความขอบคุณไทยสำหรับความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอดโดยเฉพาะในฐานะผู้ส่งออกข้าวที่มีศักยภาพและมีความพร้อมที่จะส่งข้าวคุณภาพดีให้สิงคโปร์เสมอแม้อยู่ในช่วงสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ในช่วงปีที่ผ่านมา และสมาคมผู้นำเข้าข้าวสิงคโปร์ยินดีที่จะร่วมสนับสนุนข้าวไทยและช่วยส่งเสริมตลาดและประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในตลาดสิงคโปร์ต่อไป
ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้กรมฯ ไม่สามารถจัดคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและภาคเอกชนไทยเดินทางไปเจรจาขยายตลาดข้าวและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าในต่างประเทศได้ จึงได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นการประชุมหารือผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ ตามนโยบายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยที่ผ่านมา ได้จัดการประชุมหารือกับสมาคมผู้นำเข้าข้าวของฮ่องกง ผู้นำเข้าข้าวฟิลิปปินส์ และหน่วยงานกำกับดูแลการนำเข้าข้าวของมาเลเซีย (BERNAS) ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และในระยะต่อไป มีแผนหารือกับบังกลาเทศ ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย เพื่อผลักดันการส่งออกข้าวไทยและส่งเสริมให้ข้าวไทยมีส่วนแบ่งในตลาดเป้าหมายเพิ่มขึ้น
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง