​กรมเจรจาฯ เจาะลึกจีนใน RCEP พบลดภาษีสินค้าส่งออกสำคัญให้ไทยอีก 33 รายการ

img

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเปิดผลประโยชน์ไทยใน RCEP รอบนี้เจาะลึกตลาดจีน พบจีนยกเลิกภาษีสินค้าให้ไทยอีก 33 รายการ เพิ่มเติมจาก FTA อาเซียน-จีน ที่มีอยู่เดิม ส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพส่งออก แนะผู้ประกอบการเตรียมพร้อมใช้ประโยชน์ดันสินค้าส่งออกตลาดจีนเพิ่ม
         
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ชำแหละผลประโยชน์จากการเข้าสู่ตลาดจีนภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) เพิ่มเติมจากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่ไทยมีกับจีนอยู่แล้ว 1 ฉบับ คือ ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) ตามนโยบายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่ให้เร่งศึกษาผลประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจาก RCEP เพื่อแจ้งให้ผู้ประกอบการเตรียมความพร้อม โดยพบว่า จีนจะยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าส่งออกจากไทยจำนวน 33 รายการ เพิ่มเติมจาก ACFTA โดยมีทั้งที่จะยกเลิกทันทีที่ความตกลงมีผลบังคับใช้และทยอยลดภาษีเหลือ 0% ภายใน 10-20 ปี  
         
สำหรับสินค้าที่จีนยกเลิกภาษีศุลกากรให้ไทยเพิ่มเติมจาก ACFTA ครอบคลุมสินค้าที่ไทยมีศักยภาพในการส่งออก โดยกลุ่มสินค้าเกษตร เช่น น้ำมะพร้าว น้ำสับปะรด สับปะรดปรุงแต่ง อาหารปรุงแต่ง และสินค้าอุตสาหกรรม เช่น เคมีภัณฑ์ ยางสังเคราะห์ เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับให้แสงสว่างหรือให้สัญญาณสำหรับยานยนต์ ชุดสายไฟสำหรับยานยนต์ ผลิตภัณฑ์จากกระดาษ เครื่องยนต์ ที่ปรับกระจกในรถยนต์ และเครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ และจีนยังได้เปิดตลาดให้กับสินค้าอื่น ๆ ของไทยเป็นการเพิ่มเติม เช่น พริกไทย น้ำมันเบาและสิ่งปรุงแต่ง และแผ่นไวแสงและฟิล์มที่ใช้ในการถ่ายรูป
         


ทั้งนี้ ภายใต้กรอบ ACFTA จีนได้ยกเลิกภาษีให้ไทย 94.8% ของจำนวนสินค้าทั้งหมด โดยสัดส่วนการเปิดตลาดการค้าสินค้าสูงกว่ากรอบ FTA กับคู่ภาคีอื่น ๆ ของอาเซียน ยกเว้นกรอบความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA) และภายใต้ RCEP จีนจะยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าส่งออกจากไทย คิดเป็นสัดส่วน 90.5% ของจำนวนสินค้าทั้งหมด ซึ่งจำนวนสินค้าที่จะยกเลิกภาษีทันทีที่ความตกลงมีผลบังคับใช้ คิดเป็น 67.9% ของจำนวนสินค้าทั้งหมด ที่เหลือจะทยอยยกเลิก ซึ่งในจำนวนนี้ มีสินค้าที่จีนยกเลิกภาษีศุลกากรเพิ่มเติมให้ไทย 33 รายการ
         
อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนสินค้าที่เพิ่มขึ้นจะมีจำนวนไม่มาก แต่ผู้ประกอบการไทยจะได้ประโยชน์จากการเพิ่มโอกาสสะสมถิ่นกำเนิดในเครือข่ายการผลิตสินค้าใน RCEP ซึ่งสมาชิกทั้ง 15 ประเทศ ใช้เกณฑ์ถิ่นกำเนิดสินค้าเดียวกัน ทำให้มีความสอดคล้องและยืดหยุ่นมากขึ้น เมื่อเทียบกับเกณฑ์สะสมถิ่นกำเนิดภายใต้กรอบ ACFTA และยังสามารถสะสมวัตถุดิบในการผลิตได้จากหลายแหล่งมากขึ้น ทั้งในและนอกภูมิภาค RCEP หากผู้ประกอบการมีกระบวนการผลิตที่ทำให้สินค้าผ่านเกณฑ์ถิ่นกำเนิดสินค้าได้ เช่น การเปลี่ยนสภาพวัตถุดิบจะส่งผลให้เปลี่ยนพิกัดศุลกากรในระดับ 4 หลัก ซึ่งจะสามารถใช้วัตถุดิบจากประเทศนอกภูมิภาค RCEP ได้ด้วย และใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีส่งออกไปยังตลาดจีนได้
         
ในปี 2563 จีนเป็นคู่ค้าอันดับที่ 1 ของไทย การค้าระหว่างไทยกับจีนมีมูลค่า 79,743.3 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปจีน 29,534.0 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยนำเข้าจากจีน 50,209.3 ล้านเหรียญสหรัฐ และในช่วง 5 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-พ.ค.) การค้าระหว่างไทยกับจีนมีมูลค่า 40,553.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 27.5% โดยไทยส่งออกไปจีน 14,663.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 22.1% และไทยนำเข้าจากจีน 25,890.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 30.8% สินค้าส่งออกสำคัญของไทย เช่น ยางสังเคราะห์ ทุเรียน ไม้ยางพารา รถยนต์ความจุของกระบอกสูบเกิน 2,500 ลบ.ซม. ส่วนประกอบอุปกรณ์เชิงทัศนศาสตร์ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ แป้งมันสำปะหลัง เป็นต้น และสินค้านำเข้าสำคัญของไทย เช่น เครื่องโทรศัพท์ แล็ปท็อป วงจรพิมพ์ จานบันทึกแบบแข็งและแผ่นบันทึกสำหรับคอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบเครื่องจักร เป็นต้น 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง