​กรมเจรจาฯ เตรียมความพร้อมรับไม้ต่อนิวซีแลนด์ เป็นเจ้าภาพประชุมเอเปก ปี 65

img

ไทยเตรียมการรับไม้ต่อจากนิวซีแลนด์ช่วงปลายปีนี้ เพื่อเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปกในปี 65 กรมเจรจาฯ เผยรับผิดชอบ 3 การประชุมหลัก ระดับรัฐมนตรี คณะกรรมการการค้าและการลงทุน และคณะทำงานระดับเจ้าหน้าที่เรื่องการค้าการลงทุน เล็งถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดประเด็นไฮไลต์ของไทย ที่ต้องการให้สมาชิกเอเปกร่วมขับเคลื่อน ชูการอำนวยความสะดวกการค้า ลงทุน ส่งเสริมการค้าดิจิทัล ยกระดับ SMEs หนุน BCG Economy
         
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ไทยอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปกในปี 2565 ซึ่งเป็นการรับไม้ต่อจากประเทศนิวซีแลนด์ในช่วงปลายปีนี้ โดยกรมฯ ในฐานะหน่วยงานหลักรับผิดชอบด้านการค้าภายใต้กรอบเอเปก จะเป็นเจ้าภาพหลัก 3 ด้านสำคัญ คือ 1.การประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปก (Ministers Responsible for Trade Meeting : MRT) 2.การประชุมคณะกรรมการว่าด้วยการค้าและการลงทุน (Committee on Trade and Investment : CTI) และ 3.การประชุมคณะทำงานระดับเจ้าหน้าที่ในเรื่องการค้าการลงทุน
         
สำหรับการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปก ได้กำหนดจัดขึ้นในเดือน พ.ค.2565 ไทยจะร่วมผลักดันและกำหนดทิศทางฟื้นฟูเศรษฐกิจการค้าของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยเฉพาะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง และยังมีเป้าหมายให้สมาชิกเอเปกรวมพลังสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีขององค์การการค้าโลก (WTO) และวางนโยบายขับเคลื่อนประเด็นการค้าการลงทุนรองรับการค้ารูปแบบใหม่ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกในยุค New Normal 
         
ส่วนการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยการค้าและการลงทุน เป็นการหารือระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสของสมาชิกเอเปก 21 เขตเศรษฐกิจ เพื่อขยายโอกาสทางการค้าการลงทุน ลดอุปสรรคทางการค้า และอำนวยความสะดวกทางการค้าการลงทุนในภูมิภาค รวมทั้งเสริมสร้างศักยภาพของเขตเศรษฐกิจสมาชิก เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดทำความตกลงการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (Free Trade Area of the Asia-Pacific : FTAAP) ในอนาคต



ทางด้านการประชุมคณะทำงานระดับเจ้าหน้าที่ในเรื่องการค้าการลงทุน จะมีการประชุมกลุ่มทำงานด้านการเข้าถึงตลาด (Market Access Group : MAG) กลุ่มทำงานด้านการค้าบริการ (Group on Services : GOS) โดยจะเน้นหารือเรื่องการเปิดตลาดสินค้า กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า การอำนวยความสะดวกทางการค้าสินค้า และการพัฒนาขีดความสามารถทางการค้าแข่งขันด้านการค้าบริการของภูมิภาคเอเปก เป็นต้น
         
ทั้งนี้ ไทยจะต้องนำเสนอประเด็นสำคัญที่จะให้สมาชิกเอเปกร่วมขับเคลื่อน ในปี 2564 โดยกรมฯ อยู่ระหว่างหารือกับหลายภาคส่วนเพื่อกำหนดประเด็นที่ไทยให้ความสำคัญ ทั้งเรื่องการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน การส่งเสริมการค้าดิจิทัล การใช้ประโยชน์จากพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การฟื้นฟูความเชื่อมโยง โดยเฉพาะการเดินทางและการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงกับการเข้าถึงสินค้าชุมชุม (Local Product Tourism) และการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุม โดยเฉพาะการส่งเสริมและยกระดับ SMEs ให้สามารถตั้งรับ ปรับตัว หาโอกาส ภายใต้การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG Economy) เป็นต้น ซึ่งจะต้องเสนอโครงการประเด็นสำคัญดังกล่าว ให้กระทรวงการต่างประเทศในฐานะหน่วยงานหลักของไทยในการจัดการประชุมเอเปกต่อไป
        
เอเปกเป็นกรอบความร่วมมือของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ประกอบด้วยสมาชิก 21 เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ ออสเตรเลีย บรูไนฯ แคนาดา ชิลี จีน จีนฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ปาปัวนิวกินี เปรู ฟิลิปปินส์ รัสเซีย สิงคโปร์ จีนไทเป ไทย สหรัฐฯ และเวียดนาม โดยในปี 2563 การค้าของไทยกับกลุ่มเศรษฐกิจเอเปก มีมูลค่า 315,667 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนถึง 71.9% ของการค้ารวมของไทย เป็นการส่งออกจากไทยไปเอเปก 164,955 ล้านเหรียญสหรัฐ (71.2% ของการส่งออกรวมของไทย) และนำเข้าจากเอเปก 150,711 ล้านเหรียญสหรัฐ (72.8% ของการนำเข้ารวมของไทย)

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง