​“พาณิชย์”เดินหน้าบล็อกเชน ตั้งเป้าปีนี้ดึงผู้ผลิตข้าวอินทรีย์เข้าระบบ 150 กลุ่ม/คน

img

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ปรับแผนผลักดันนำ “บล็อกเชน” ตรวจสอบย้อนกลับสินค้าข้าวอินทรีย์ ใช้ประชุมออนไลน์แทนการลงพื้นที่ ตั้งเป้าปีนี้ชวนกลุ่มผู้ผลิตเข้าระบบเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 150 กลุ่ม/คน พร้อมจับมือกรมศุลกากร กรมการค้าต่างประเทศ เชื่อมโยงระบบ NSW และดึงสินค้า GI เข้าระบบบล็อกเชน
         
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการขับเคลื่อนระบบตรวจสอบย้อนกลับสินค้าเกษตรด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ว่า สนค.ได้หารือร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร เพื่อปรับแผนการดำเนินงานให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ภายใต้สถานการณ์การณ์การแพร์ระบาดของโควิด-19 โดยได้เลื่อนการลงพื้นที่เพื่อเผยแพร่การใช้งานระบบในจังหวัดที่มีศักยภาพผลิตสินค้าข้าวอินทรีย์ของภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ออกไปก่อน พร้อมนำรูปแบบการทำงานและจัดประชุมออนไลน์มาใช้แทน
         
โดยในปีนี้ มีเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานในระบบให้เพิ่มมากขึ้น ตั้งเป้าจะสร้างความเข้าใจและเชิญชวนกลุ่มผู้ผลิตข้าวอินทรีย์เข้าสู่ระบบ ไม่น้อยกว่า 150 กลุ่ม/คน และยังได้หารือกับกรมศุลกากรและกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อขยายการใช้งานการอำนวยความสะดวกทางการค้า เช่น เชื่อมกับระบบ National Single Windows – NSW และมีแผนพัฒนาระบบบล็อกเชนสำหรับสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ร่วมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงผลักดันสินค้ารายการอื่นๆ เช่น สินค้าอินทรีย์ สินค้าเกษตรปลอดภัย สินค้าประมง อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น มาใช้บล็อกเชนเพิ่มขึ้น
         


สำหรับหน่วยงานพันธมิตร ที่ได้ร่วมมือกับ สนค. เพื่อขับเคลื่อนบล็อกเชน ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
         
การดำเนินงานเรื่องบล็อกเชน สอดคล้องกับนโยบายสำคัญ 1 ใน 14 แผนงานของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่ ที่มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาระบบการค้า เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการให้สามารถปรับตัวรองรับระบบเศรษฐกิจการค้ายุคใหม่ และในรูปแบบ New Normal ที่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยีสมัยใหม่มากขึ้น

ทั้งนี้ การนำระบบบล็อกเชนมาใช้จะช่วยสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือต่อสินค้าให้แก่ผู้บริโภคทั้งชาวไทย ต่างชาติ รวมถึงบริษัทคู่ค้า ที่จะสามารถตรวจสอบการผลิตสินค้าตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิตและการค้าได้ ซึ่ง สนค. ได้ทดลองนำร่องในสินค้าข้าวอินทรีย์ และอยู่ระหว่างการพิจารณาขยายผลไปยังสินค้าศักยภาพอื่น โดยในการใช้งานตรวจสอบย้อนกลับนั้น สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดหรือตรวจสอบจากเลขที่ระบุล็อตการผลิตบนฉลากสินค้าผ่านเว็บไซต์ TraceThai.com จากนั้นระบบจะแสดงข้อมูลสินค้าตั้งแต่กระบวนการเพาะปลูก การผลิต การแปรรูป การจำหน่าย รวมถึงข้อมูลการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ซึ่งระบบนี้ได้เปิดการใช้งานอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 เป็นต้นมา และยังได้รับรางวัล Best Practice ภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต ประจำปี 2563 จากกระทรวงอุตสาหกรรรม

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง