​“พาณิชย์”เคาะงดจ่ายส่วนต่างข้าวโพด งวดที่ 6 หลังราคาเฉลี่ยเท่ากับที่ประกันรายได้

img

“พาณิชย์”เคาะงดจ่ายส่วนต่างโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด สำหรับงวดที่ 6 หลังราคาตลาดเท่ากับราคาที่ประกันรายได้เอาไว้พอดีที่กิโลกรัมละ 8.50 บาท

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เปิดเผยว่า วันที่ 8 เม.ย.2564 ได้ลงนามในประกาศเรื่อง การกำหนดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2563/64 โดยมีมติให้งดจ่ายเงินส่วนต่างสำหรับงวดที่ 6 ของโครงการประกันรายได้ปีที่ 2 ที่จะจ่ายให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร โดยมีวันเพาะปลูกตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2563 และระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.-19 เม.ย.2564 เนื่องจากราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงในครั้งนี้เท่ากับราคาเป้าหมายที่ประกันรายได้ โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 8.50 บาท จากราคาประกันรายได้ที่กก.ละ 8.50 บาท



ทั้งนี้ การคำนวณปริมาณผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ ได้ใช้วิธีการเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี (ปี 2561/62-2563/64) ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 713 กิโลกรัม (กก.) ต่อไร่ คูณด้วยจำนวนไร่ตามที่เกษตรกรได้ขึ้นทะเบียนไว้ แต่ไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่ ซึ่งงวดที่ 6 นี้ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดไม่ได้รับเงินชดเชย
        
สำหรับการกำหนดราคาอ้างอิง คณะอนุกรรมการฯ ได้ใช้ราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ความชื้นไม่เกิน 14.5% ของกรมการค้าภายใน เฉลี่ยจากจังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตข้าวโพดสำคัญ 10 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ นครราชสีมา น่าน ตาก เลย เชียงราย ลพบุรี นครสวรรค์ พิษณุโลก และแพร่ เฉลี่ยย้อนหลัง 30 วัน เพื่อคำนวณการจ่ายส่วนต่าง โดยงวดที่ 4 มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 8.42 บาทต่อกก. มีส่วนต่างอยู่ที่ กก.ละ 0.08 บาท จากราคาเป้าหมาย 8.50 บาทต่อ กก.
       
โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2563/64 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้ดำเนินโครงการเมื่อวันที่ 18 ส.ค.2563 ในกรอบวงเงิน 1,912 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือด้านรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยจะจ่ายเดือนละครั้งทุกวันที่ 20 จนสิ้นสุดโครงการ โดยมีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดทั้งประเทศ 4.5 แสนครัวเรือน ปลูกมากที่สุด คือ จังหวัดเพชรบูรณ์ รองลงมา คือ จังหวัดตาก เชียงราย และกระจายอยู่ 17 จังหวัดภาคเหนือ กับหลายจังหวัดในภาคอีสานและมีภูมิภาคอื่นด้วยเล็กน้อย

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง