“อภิรดี”สั่งพาณิชย์จังหวัดที่อยู่ในจังหวัดติดประเทศเพื่อนบ้าน สร้างกองทัพ SMEs แล้วพาลุยเจาะตลาด CLMV เพื่อเพิ่มยอดการค้าชายแดน หลังปีนี้ตั้งเป้าไว้ถึง 1.8 ล้านล้านบาท ล่าสุดอยู่ระหว่างจัดทีมบุก 3 เมืองเมียนมา ด้านพาณิชย์จังหวัดตากรับลูก เตรียมจัดคณะไปเจรจาขายของทันที ระบุการค้าผ่านด่านแม่สอดจะทะลุ 1 แสนล้านได้ในเร็วๆ นี้ เผยสินค้าดาวรุ่ง น้ำตาลทรายมาแรง ตามด้วยเครื่องดื่มบำรุงกำลัง เบียร์ เครื่องจักรกลการเกษตร และเมล็ดพันธุ์พืช
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดนทั่วประเทศ ไปหาช่องทางในการขยายการค้าการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะการสร้างกองทัพผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) และผู้ประกอบการท้องถิ่น ให้มีโอกาสในการส่งออกไปตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาด CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ซึ่งเป็นตลาดที่อยู่ใกล้ชิดกับไทยและมีโอกาสในการค้าขายสูง เพราะแต่ละประเทศนิยมสินค้าไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“การขยายการค้าชายแดนที่ผ่านมา มักจะดำเนินการโดยผู้ประกอบการรายใหญ่ หรือผู้ส่งออกรายใหญ่ และเป็นการค้าขายระหว่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ แต่กระทรวงฯ เล็งเห็นว่า ถ้าสามารถผลักดันให้ SMEs และผู้ประกอบการท้องถิ่นทำการส่งออกได้ ทำเป็นกลุ่มเล็กๆ กองทัพเล็กๆ ออกไปเจรจาค้าขายกับเพื่อนบ้าน ก็จะยิ่งผลักดันให้มูลค่าการค้าชายแดนมีการขยายตัวได้มากขึ้น อีกทั้งปีนี้กระทรวงฯ ได้ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนไว้สูงถึง 1.8 ล้านล้านบาท ก็ต้องทำทุกทาง ทั้งการเพิ่มยอดการค้าระหว่างประเทศและการค้าผ่านแดน”
ทั้งนี้ ล่าสุดได้รับรายงานจากพาณิชย์จังหวัดตากว่าจะมีการจัดคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและเอกชนในกลุ่ม 5 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง (ตาก พิษณุโลก อตรดิตถ์ เพชรบูรณ์และสุโขทัย) เดินทางไปเจรจาการค้ากับภาคเอกชนในเมืองผาอัน เมาะละแหม่งและย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ในระหว่างวันที่ 2-6 ก.ค.2560 เพื่อนำสินค้าเด่นจาก 5 จังหวัดดังกล่าวไปเจรจาจับคู่ธุรกิจกับภาคเอกชนของเมียนมา ส่วนจังหวัดอื่นๆ ที่มีพื้นที่ติดชายแดน อยู่ระหว่างการดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการผลักดันให้การค้าชายแดนมีการขยายตัวได้มากขึ้น กระทรวงฯ มีแผนที่จะเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้มีการเปิดด่านการค้าเพิ่มขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านการค้าขาย และการท่องเที่ยวระหว่างกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา
นายภาณุ ขันธ์แก้ว พาณิชย์จังหวัดตาก กล่าวว่า การนำคณะไปเจรจาการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นการดำเนินการตามนโยบายของรมว.พาณิชย์ที่ต้องการผลักดันให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นออกไปค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตาก ได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ได้นำคณะผู้ประกอบการจากกลุ่ม 5 จังหวัดภาคเหนือเดินทางไปเจรจาการค้ากับผู้ประกอบการในพนมเปญ กัมพูชา และที่โฮจิมินห์ เวียดนาม ซึ่งสามารถเชื่อมโยงให้เกิดการค้าขายกันได้ และคาดว่าการเดินทางไปเมียนมาครั้งนี้ ก็จะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน
สำหรับเป้าหมายในการผลักดันมูลค่าการค้าชายแดน มั่นใจว่า มูลค่าการค้าชายแดนที่ด่านแม่สอด จะเพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนล้านบาทได้ไม่ยาก เพิ่มจากปัจจุบันที่มีมูลค่าประมาณ 8.4 หมื่นล้านบาท และหากสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 2 ที่กำลังจะแล้วเสร็จในปี 2562 ก็จะยิ่งช่วยส่งเสริมการค้าชายแดน เพราะจะทำให้การขนส่งข้ามแดนมีความคล่องตัวมากขึ้น
ส่วนการส่งออกผ่านด่านแม่สอดในช่วง 4 เดือนของปี 2560 (ม.ค.-เม.ย.) มีมูลค่า 27,893 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 10.49% ที่มีมูลค่าส่งออกรวม 25,251 ล้านบาท และสินค้าส่งออกมากที่สุด 10 อันดับแรก คือ เครื่องดื่มบำรุงกำลัง รถจักรยานยนต์ น้ำตาลทราย น้ำมันเบนซิน เบียร์ น้ำมันดีเซล รองเท้าแตะ ผ้าทอ กระเบื้อง และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี)
โดยน้ำตาลทรายมีการส่งออกมากที่สุด มูลค่า 1,915 ล้านบาท และถือเป็นสินค้าดาวรุ่ง เพราะเดิมขนส่งผ่านด่านเชียงของ แต่ติดปัญหาชนกลุ่มน้อยเยอะ มีการเรียกค่าผ่านทางสูง จึงหันมาส่งออกผ่านด่านแม่สอดแทน และสินค้ารองลงมา คือ เครื่องดื่มบำรุงกำลัง โทรศัพท์และอุปกรณ์ รถจักรยานยนต์ และเบียร์ ขณะที่สินค้าในกลุ่มเครื่องจักรกลการเกษตร เมล็ดพันธุ์พืช ถือเป็นกลุ่มใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโต เพราะรัฐบาลเมียนมาให้การส่งเสริมภาคการเกษตร ทำให้สินค้าเป็นที่ต้องการของตลาด เช่นเดียวกับกลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้าง โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ ที่ยังเป็นที่ต้องการในตลาดอยู่
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง