คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวสั่งตั้งคณะอนุกรรมการศึกษากำหนดวิธีการถ่ายทอดเทคโนโลยีของคนต่างด้าวที่จะเข้ามาลงทุนในไทย เพื่อให้ธุรกิจไทยและคนไทยได้ประโยชน์จากการเข้ามาลงทุน หลังรัฐบาลเดินหน้านโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่มุ่งดึงอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรมเข้ามา ขีดเส้น 6 เดือนต้องเสร็จ
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ ได้ตั้งคณะอนุกรรมการ ประกอบด้วยผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อศึกษาเกี่ยวกับวิธีการถ่ายทอดเทคโนโลยีของต่างชาติที่จะเข้ามาประกอบธุรกิจในไทย เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาคำขอใบอนุญาตของคนต่างด้าว โดยจะเน้นวิธีการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่จะต้องสามารถส่งต่อไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องได้อย่างแท้จริง และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน
“ปัจจุบันรัฐบาลได้มุ่งขับเคลื่อนนโยบายประเทศไทย 4.0 โดยเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง และมีนวัตกรรม ซึ่งบอร์ดต่างด้าวในฐานะที่ดูแลการเข้ามาประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เล็งเห็นว่าตามเงื่อนไขการเข้ามาลงทุน ได้กำหนดให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอยู่แล้ว แต่เมื่อเทคโนโลยีมีการพัฒนามากขึ้น การถ่ายทอดจึงมีความแตกต่างในแต่ละเทคโนโลยี จึงต้องมีการกำหนดเงื่อนไขให้ชัดเจน”
ทั้งนี้ แนวทางการถ่ายทอดจะมีการพิจารณาว่าจะถ่ายทอดในรูปแบบใด วิธีการใด เพราะการถ่ายทอดเทคโนโลยีจะมีความเกี่ยวข้องในหลายมิติ เช่น เทคโนโลยีด้านทรัพย์สินทางปัญญา เทคโนโลยีเฉพาะอุตสาหกรรมหรือบริการ และเทคโนโลยีเพื่อการบริหารธุรกิจทั่วไป
ขณะเดียวกัน จะต้องกำหนดวิธีการถ่ายทอดที่สามารถส่งต่อไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องได้อย่างแท้จริง เช่น วิธี on the job training , train the trainer และวิธีการสร้างเว็บไซต์เฉพาะเรื่องเทคโนโลยี และยังรวมถึงวิธีการทำสัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยี การมีส่วนร่วมของบุคลากรไทยในโครงการวิจัยและพัฒนา การตั้งคนไทยปฏิบัติงานในตำแหน่งแทนคนต่างด้าว การสนับสนุนด้านการศึกษาและหรือวิชาการให้สถาบันการศึกษาให้กับแรงงานไทย ตลอดจนการพัฒนาทักษะในด้านที่มีผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
อย่างไรก็ตาม แนวทางในการพิจารณาใบอนุญาตการประกอบธุรกิจของคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่กำหนดไว้เป็นเกณฑ์สำหรับพิจารณา ยังต้องคำนึงถึงองค์ประกอบด้านอื่นที่จะส่งผลต่อความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ศิลปวัฒนธรรมและจารีตประเพณีของประเทศ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงานและการรักษาสิ่งแวดล้อม การคุ้มครองผู้บริโภค ขนาดของกิจการ การจ้างแรงงาน การถ่ายทอดเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนาด้วย
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง