ไทยทำสำเร็จ ดันอาเซียนมีข้อสรุป “ระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง”

img

ไทยใช้จังหวะช่วงเป็นประธานอาเซียน ผลักดันจนสามารถหาข้อสรุปในประเด็นที่ติดค้างของการจัดทำระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียนเป็นผลสำเร็จ เตรียมส่งผู้แทนเข้าสู่กระบวนการขัดเกลาถ้อยคำทางกฎหมาย หากได้ข้อสรุป จะนำเสนอ ครม. เห็นชอบ และแจ้งยืนยัน ระบุจะบังคับใช้ช่วง มี.ค. 63

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงผลการประชุมของคณะอนุกรรมการด้านกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าของอาเซียน (SC-AROO Meeting) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 11-13 มี.ค. 2562 ว่า ที่ประชุมสามารถหาข้อสรุปเรื่องระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองของอาเซียน ซึ่งเป็นเรื่องที่ติดค้างมานานได้ โดยตกลงในประเด็นสำคัญคือ 1.คุณสมบัติของผู้ส่งออกที่จะขึ้นทะเบียนเพื่อรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง ต้องเป็นผู้มีถิ่นฐานพำนักตามกฎหมายในประเทศผู้ส่งออก มีความรู้ด้านกฎว่าถิ่นกำเนิดสินค้า และมีระบบการจัดการและการควบคุมบัญชีที่ดี 2. มีการจำแนกชัดเจนระหว่างหน่วยงานที่ออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า กับหน่วยงานที่ขึ้นทะเบียนผู้ส่งออก เนื่องจากในอาเซียนบางประเทศ หน่วยงานที่ทำหน้าที่เหล่านี้อาจไม่ใช่หน่วยงานเดียวกัน และ 3.ข้อมูลที่จะปรากฏในฐานข้อมูลระบบรับรองถิ่นกำเนิดด้วยตนเอง เช่น รายการสินค้าพร้อมทั้งรหัสพิกัดศุลกากร เกณฑ์ถิ่นกำเนิดสินค้า จำนวนของสินค้า เครื่องหมายการค้า (ถ้ามี) เป็นต้น

สำหรับการเจรจาเรื่องนี้ เนื่องจากที่อาเซียนได้ลงนามพิธีสารฉบับที่ 1 เพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน ให้รองรับระบบรับรองถิ่นกำเนิดด้วยตนเองครบทุกประเทศ เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา จึงได้เร่งเจรจาหาข้อสรุปข้อบทเกี่ยวกับการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ทางเทคนิคสำหรับใช้งานระบบฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไทยผลักดันมาโดยตลอด เนื่องจากเห็นว่าเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการ เพราะไม่จำเป็นต้องไปขอรับใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าจากหน่วยงานภาครัฐอีกต่อไป แต่สามารถดำเนินการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าได้ด้วยตนเอง จึงช่วยประหยัดเวลา ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย และลดความผิดพลาดในการกรอกข้อมูล Form D ของอาเซียน

“เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม SC-AROO Meeting โดยการประชุมมีความคืบหน้ามาก ทำให้สามารถสรุปผลเจรจาที่ประเทศมาเลเซียในครั้งนี้ได้ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ไทยพยายามผลักดันให้การเจรจาแล้วเสร็จในช่วงการเป็นประธานอาเซียนของไทย”นางอรมนกล่าว

นางอรมนกล่าวว่า การดำเนินการต่อไป ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของอาเซียนจะมีการประชุมในเดือนมิ.ย. 2562 ณ ประเทศเวียดนาม เพื่อขัดเกลาถ้อยคำทางกฎหมาย ซึ่งกรมฯ จะส่งผู้แทนเข้าร่วมดำเนินการในขั้นตอนดังกล่าวด้วย จากนั้นจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบ และแจ้งการให้การรับรองข้อบทด้านกฎถิ่นกำเนิดสินค้าของไทยต่อที่ประชุมคณะมนตรีเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA Council) ก่อนการเริ่มใช้งานระบบรับรองถิ่นกำเนิดด้วยตนเองในเดือนมี.ค. 2563

ทั้งนี้ จากข้อมูลสถิติการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้โครงการนำร่องระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง พบว่าไทยเป็นประเทศที่มีผู้ส่งออกที่ขึ้นทะเบียนมากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยไทยมีจำนวนผู้ส่งออกที่ขึ้นทะเบียนรวมทั้งสิ้น 326 ราย อันดับที่ 2 มาเลเซีย 190 ราย และอันดับที่ 3 สิงคโปร์ 74 ราย

***ติดตามข่าวสารพาณิชย์แบบฉับไว ส่งตรงถึงมือถือได้ที่ http://line.me/ti/p/%40uld0329i
***ติดตามข่าวสารพาณิชย์ ผ่านทวิตเตอร์ https://twitter.com/CNAOnlineTwit  

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง