​อคส.ปรับโครงสร้าง ทิ้งภารกิจแทรกแซงสินค้าเกษตร มุ่งงานช่วยเกษตรกร-ทำธุรกิจจากคลังสินค้า

img

บอร์ด อคส. ไฟเขียวแผนปรับโครงสร้างองค์กร เตรียมเปลี่ยนชื่อเป็น “องค์การจัดการสินค้าเกษตร” ปรับบทบาทหันมาให้ความช่วยเหลือเกษตรกร โดยใช้พื้นที่คลังสินค้าที่มีอยู่ พร้อมลุยสร้างรายได้จากคลังสินค้าที่มีอยู่ นำร่องพัฒนาคลังสินค้าธนบุรี 1 เป็นแหล่งชอปปิ้งแห่งใหม่คล้ายเอเชียทีค ยันทิ้งภารกิจเดิม แทรกแซงสินค้าเกษตร เหตุไม่ได้มีคลังสินค้าทั่วประเทศ ขืนทำต่อ เดี๋ยวมีปัญหาเหมือนอดีต

พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (บอร์ดอคส.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด อคส. ได้เห็นชอบแผนการปรับโครงสร้าง อคส. ที่จะต้องมีการเปลี่ยนชื่อองค์กรและปรับบทบาทภารกิจ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจในการสร้างรายได้ให้กับองค์กรที่จะเน้นการบริหารคลังสินค้าให้เกิดรายได้เพื่อนำมาใช้เลี้ยงองค์กร และลดบทบาทในการเป็นกลไกแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรตามนโยบายรัฐบาล โดยจะเสนอแผนการปรับโครงสร้างองค์กรให้นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พิจารณา ก่อนนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบภายในเดือนต.ค.2561 และหาก ครม. เห็นชอบ ก็จะนำเรื่องเข้าสู่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อแก้ไขพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การคลังสินค้า พ.ศ.2498 ในการเปลี่ยนชื่อองค์และกำหนดบทบาทของ อคส. ใหม่ต่อไป

สำหรับแผนการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ จะมีการเปลี่ยนชื่อจากองค์การคลังสินค้า เป็นองค์การจัดการสินค้าเกษตร และปรับบทบาทภารกิจในการนำคลังสินค้าที่ อคส. มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับเกษตรกร เช่น คลังสินค้าที่อยู่พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดนครสวรรค์ จะให้เกษตรกรในพื้นที่มาใช้ประโยชน์ทำเป็นลานตากสินค้าเกษตร รวมทั้งจะเชื่อมโยงกับระบบการเกษตร โดยมีการจัดซื้อรถไถ รถเกี่ยวข้าว มาไว้ในพื้นที่ เพื่อให้เกษตรกรนำไปใช้ประโยชน์ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย

ส่วนรายได้ของ อคส. ที่จะเกิดขึ้นหลังจากปรับโครงสร้างองค์กรแล้ว จะมาจากคลังสินค้าธนบุรี 1 ซึ่งเป็นคลังสินค้าที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 19 ไร่ ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งตามแผนจะนำมาเปิดร่วมทุนกับเอกชนในการจัดทำเป็นแหล่งช็อปปิ้งแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ รูปแบบจะเหมือนกับเอเชียทีค โดยกำลังเร่งทำเรื่องเสนอรมว.พาณิชย์ เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ตั้งเป้าว่า อคส. จะมีรายได้จากคลังสินค้าธนบุรี 1 ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่ครอบคลุมกับการเลี้ยงองค์กรทั้งหมด

“ที่ต้องปรับเปลี่ยนองค์กร จากเดิมที่จะเป็นกลไกในการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรให้กับรัฐบาล เพราะที่ผ่านมา อคส. ไม่ได้มีคลังสินค้าอยู่ทั่วประเทศ ทำให้มีการบริหารจัดการลำบาก หากมีการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตร ก็ต้องไปเช่าโกดังกลางเข้ามาเก็บสินค้าเกษตรของรัฐบาล และจะเกิดปัญหาเหมือนอดีตที่ผ่านมา แต่การหันมาใช้ประโยชน์จากคลังสินค้าที่ อคส. มีอยู่ในการหารายได้ จะทำให้ อคส. ไม่ต้องพึ่งโครงการจากรัฐบาล และสามารถหารายได้เลี้ยงตัวเองได้”พล.ต.ท.ไกรบุญกล่าว

***ติดตามข่าวสารพาณิชย์แบบฉับไว ส่งตรงถึงมือถือได้ที่ http://line.me/ti/p/%40uld0329i
***ติดตามข่าวสารพาณิชย์ ผ่านทวิตเตอร์ https://twitter.com/CNAOnlineTwit    
 

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง