
กรมทรัพย์สินทางปัญญา หนุนชาวบ้านจังหวัดกระบี่ ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนสินค้าท้องถิ่นเป็นสินค้าจีไอ 3 รายการ ทั้งหอยชักตีน กาแฟกระบี่ และกะปิแหลมสัก หลังพบมีศักยภาพ เผยช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าและสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนได้แน่
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการหนึ่งจังหวัดหนึ่งสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) ที่ตั้งเป้าจะผลักดันให้มีครบทั้ง 77 จังหวัด ว่า ขณะนี้ กรมฯ ได้เร่งดำเนินการเชิงรุก โดยลงพื้นที่สำรวจสินค้าชุมชนที่มีศักยภาพ เพื่อส่งเสริมให้ขึ้นทะเบียนจีไอ โดยเฉพาะใน 6 จังหวัดที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน หรือยื่นคำขอเพื่อขึ้นทะเบียน ได้แก่ กระบี่ กาญจนบุรี ระนอง สตูล สมุทรสาคร สิงห์บุรี และกำแพงเพชร โดยล่าสุดได้เดินทางไปจังหวัดกระบี่ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความสำคัญของสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ และผลักดันให้ชุมชน ผู้ประกอบการ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนการขึ้นทะเบียนสินค้าจีไอ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้แก่ชุมชนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าชุมชน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า สินค้าของจังหวัดกระบี่ที่มีศักยภาพสามารถขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าจีไอได้ มี 3 รายการ คือ หอยชักตีนกระบี่ กะปิแหลมสัก และกาแฟกระบี่ คาดว่า ผู้ประกอบการ และชุมชนจะสามารถยื่นคำขอขึ้นทะเบียนต่อกรมฯ ได้ในเร็วๆ นี้
"จังหวัดกระบี่ นอกจากมีสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงาม และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากแล้ว ยังมีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสินค้าเกษตร และอาหารทะเลที่ขึ้นชื่อ เช่น หอยชักตีน ซึ่งเป็นหอยขึ้นชื่อของจังหวัด ที่นำมาบริโภคกันอย่างแพร่หลาย รวมทั้งกาแฟคลองท่อมที่มีรสชาติเข้มข้นเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น และกะปิแหลมสัก ที่มีคุณภาพดีเป็นที่ยอมรับ ซึ่งหากสามารถขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าจีไอได้แล้ว จะช่วยสร้างภาพลักษณ์สินค้าให้ดีขึ้นและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าชุมชนได้มากขึ้น"
สำหรับหอยชักตีนกระบี่ หรือหอยสังข์กระโดด เป็นหอยทะเลที่อาศัยอยู่ในพื้นทรายปนโคลน และบริเวณหญ้าทะเลและสาหร่าย ตั้งแต่เขตน้ำขึ้น-ลง ไปจนถึงในระดับความลึกถึง 55 เมตร ในไทยสามารถพบหอยชักตีนได้ทั่วไปตามทะเลฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน เช่น กระบี่ ภูเก็ต พังงา ตรัง สตูล เป็นต้น ตัวหอยมีลักษณะพิเศษที่ปากจะมีติ่งคล้ายๆ เล็บสีน้ำตาลยื่นออกมา ใช้สำหรับเดิน ชาวบ้านเรียกว่า "ตีน" และในการกินหอย จะต้องดึงตีนออก เพื่อให้ตัวหอยหลุดตามออกมา หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "ชักตีน"
ส่วนกาแฟคลองท่อม หรือกาแฟกระบี่ เป็นสายพันธุ์โรบัสต้า นิยมปลูกในพื้นที่ราบ มีความสูงจากระดับทะเลไม่มากนัก ความพิเศษ ที่หาจากที่อื่นไม่ได้ คือ รสชาติที่เข้มข้น ประกอบกับ ตำแหน่งและสภาพอากาศของพื้นที่บริเวณคลองท่อม จังหวัดกระบี่ เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุภูเขาไฟในดินสูง ทำให้รสชาติเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใด ทำให้ปัจจุบันกาแฟคลองท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจประจำท้องถิ่นที่สร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยเมล็ดกาแฟสด กิโลกรัม (กก.) ละ 70 บาท เมื่อคั่วเสร็จราคาจะสูงถึงกก.ละ 400 บาท
ขณะที่กะปิแหลมสัก การผลิตจะนำเอากุ้งที่ได้มาตากในมุ้ง ไม่ให้แมลงวันรบกวนประมาณ 1 วัน กุ้งก็จะเริ่มหมาดๆ ใช้เกลือ 1 กิโลกรัม ต่อกุ้ง 10 กิโลกรัม โรยไปบนห่อผ้าเขียวที่ใส่กุ้งสำหรับตากแล้วนำมาตำในครกไม้ ครกขนาดเล็กนี้ จะใช้กุ้งจำนวน 5 กิโลกรัมต่อครั้ง ใช้เวลาตำไม่นาน เพื่อให้เกลือคลุกเคล้ากับกุ้งให้ทั่ว แล้วนำใส่ถุงผ้าขาวที่สามารถระบายน้ำได้แล้วนำใส่ถังสีขาวที่ระบุว่าสามารถบรรจุอาหารได้ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค น้ำที่ได้จากการหมักก็จะไหลออกมาจากถุงผ้าลงในถังที่บรรจุ กุ้งในถุงจะแห้งลง หมักกุ้งในถังที่ปิดฝาให้สนิท ทิ้งไว้ในร่มประมาณ 3 วัน อย่าให้ถูกแดด หลังจากนั้น ค่อยเอากุ้งออกจากถังนำไปตากในมุ้งอีกครั้งประมาณ 1 แดด พอกุ้งเริ่มหมาดก็จะนำมาตำในครกไม้อีกครั้ง คราวนี้จะต้องใช้เวลานานประมาณ 20 กว่านาที นานกว่าคราวแรก โดยจะต้องใช้คนสองคนในการตำสลับกัน เสร็จแล้วนำมาอัดให้แน่นในถุงพลาสติกและใส่ถังหมักไว้ประมาณ 3 เดือน ก็สามารถนำมาบรรจุจำหน่ายได้แล้ว กะปินี้สามารถเก็บไว้ได้เป็นปี เมื่อจะจำหน่ายจึงจะนำมาบรรจุกระปุกหรือห่อกระดาษส่งให้ลูกค้า สนนราคาจำหน่ายกิโลกรัมละ 200 บาท มีบรรจุครึ่งกิโลกรัม
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
กดคลิก Follow ด้านล่าง